วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 8 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันที่ 28-30 ธันวาคม 2552

-เดินแจกเอกสารให้หัวหน้าแต่ละฝ่ายเซนต์
-ถ่ายเอกสาร
-เดินรับ/ส่งเอกสารภายในบริษัท
-ติดโบว์ของขวัญปีใหม่
-ช่วยงานจัดเลี้ยงแม่บ้านและรปภ


ปัญหา
-เกิดอาการปวดแขนเนื่องจากสามวันนี้ได้ทำการม้วนปฎิทินแบบแขวนเป็นจำนวนมากและหลายแผนก
-เอกสารเข้ามีจำนวนน้อยมาก


การแก้ไขปัญหา
-สลับการม้วนและการมัดกับเพื่อนที่ฝึกแผนกอื่น
-ช่วยแผนก VM,VZ เนื่องจากสองแผนกนี้งานเอกสารมีจำนวนมาก

วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 7 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันที่ 21-25 ธันวาคม 2552

-นับปฎิทินแบบแขวนและแบบตั้งโต๊ะ ปี 2553
-จัดเอกสารใส่แฟ้มในหมวดเดียวกัน
-เดินแจกเอกสารให้หัวหน้าแต่ละฝ่ายเซนต์
-ผูกโบว์ปฎิทินแบบแขวน จำนวน 50 ชุด
-พิมพ์ดีดไฟฟ้า ทำป้ายติดกล่องของขวัญ
-เดินส่งเอกสาร VK-I
-ทำกราฟข้อมูลผู้ร่วมสัมนาและแต่ละแผนกพร้อมเสนอหัวหน้า
-เก็บอุปกรณ์หลังงานประชุม VZ เสร็จ
-รับของชำร่วยที่สโตร์
-นับของในสต็อก
-เดินแจกของขวัญตามอาคารและหน่วยงานต่างๆ

ปัญหา
-ทำกราฟข้อมูลผู้ร่วมสัมนาและแต่ละแผนกที่เสนอหัวหน้าไปนั้นมีสีสันที่มากเกินไปและต้องเปลื่ยนกราฟเป็น 3D
-นับของในสต๊อกที่เบิกมาจากสโตร์เป็นจำนวนมากทำให้เสียเวลาในการทำงานอย่าอื่น

การแก้ไขปัญหา
-แก้ไขรูปแบบกราฟให้เป็น 3Dและสี พร้อมสอบถามความต้องการของหังหน้า
-นับของแต่ละชิ้นและเก็บเข้าสต๊อกเลย

วันอาทิตย์ที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 6 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันที่ 14-18 ธันวาคม 2552

-เดินแจกเอกสารให้หัวหน้าแต่ละแผนกเซนต์
-รับ Passport
-เรียงเอกสารตามหมวดหมู่และจัดใส่แฟ้ม
-ถ่ายเอกสาร
-ซ้อมเต้นในงานปีใหม่
-จัดซุ้มงานปีใหม่
-ทำป้ายของรางวัลปีใหม่

ปัญหา
-ไม่มีเวลาไปซ้อมเต้นงานปีใหม่
-การจัดซุ้มงานปีใหม่เพราะไม่ทราบว่าจะเลือกสีไหนให้เข้ากับงาน

การแก้ไขปัญหา
-ฝึกเต้นคนเดียว เมื่อถึงบ้านตอนเย็น
-การจัดซุ้มทำตามคำสั่งเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 5 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันที่ 8-11 ธันวาคม 2552

-ออกแบบป้ายประกาศการติดตั้งโยกย้ายและถอดถอนอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์
ในสำนักงานกรุงเทพมหานครและสำนักงานสุวรรณภูมิ
-จัดเอกสารลงแฟ้มตามหมวดหมู่ที่กำหนดไว้
-รับโคเมล์ 1 ฉบับ
-ซื้อ Pizza
-รับเอกสารเข้าและจัดส่งตามรายชื่อของพนักงาน

ปัญหา
-การเลือกสีและตัวอักษรในการออกแบบป้าย

การแก้ไขปัญหา
-เลือกสีและตัวอักษรที่ผ่านการอนุมัคิจากหัวหน้าผู้ควบคุมงาน

วันจันทร์ที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 4 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันที่ 30 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2552

-นำแบบสอบถามที่ไปจัดงานทั้งหมดมาคีย์ข้อมูล

เรื่อง Information Security Awareness 2009 จัดงานทั้งหมดจำนวน 5 รอบ
-นำเสนอในรูปแบบไฟล์และวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด
-ตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้อง

-ส่งไฟล์ให้หัวหน้าที่รับผิดชอบงาน
-จัดเอกสารลงแฟ้มตามหมวดหมู่

ปัญหา
-แบบสอบถามที่ไปจัดงานทั้งหมดมาคีย์ข้อมูล เรื่อง Information Security Awareness 2009 มีจำนวนมากจึงต้องใช้เวลาในรคีย์ข้อมูลอยู่หลายวัน
-ตรวจสอบข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง

การแก้ไขปัญหา
-คีย์ข้อมูลของการจัดงานรอบแรกๆก่อน
เขียนตัวเลขในแบบสอบถามเพื่อให้ตรวจสอบง่าย





วันอาทิตย์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 3 บริษัท การบินไทย จำกัด (มาหชน)

วันที่ 23-27 พ.ย. 52

-วันที่ 23 จัดงานเสวนา เรื่อง Information Security Awareness 2009 ที่สำนักงานใหญ่
-จากนั้นก็นำแบบสอบถามที่ทำการสำรวจภายในงานมาทำการคีย์ข้อมูล
-วันที่ 26 จัดงานเสวนา เรื่อง Information Security Awareness 2009 ที่ฝ่ายช่างดอนเมือง
-ฝึกซ้อมดับเพลิง


ปัญหาที่เกิด
-หัวหน้าเยอะเกินไป (มีมาจากแผนกอื่นๆด้วย)ไม่รู้ว่าจะฟังใครก่อนและงานก็ไม่รู้จะทำให้ใครก่อนมีแต่อยากได้แบบเร่งๆ ทั้งที่คนดูแลก็มีแค่คนเดียว ทำตัวไม่ถูก

การแก้ไขปัญหา
-ทำงานที่สั่งมาตอนแรกก่อนไม่ว่าจะเป็นแผนกอื่นและแผนกตัวเอง

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 2 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)


วันที่ 16 พ.ย.-20 พ.ย.52

-วิเคราะห์ข้อมูลการจัดสัมมนาTeaTimeTalk -การจัดงานสัมมนาออกงานในส่วนต่างๆขององค์กร
-อบรมเกี่ยวกับการการกู้ภัย และปัญหาของสิ่งแวดล้อมและการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน
-ทดสอบความรู้ที่ไม่เคยรับรู้ในการช่วยผู้ประสบภัยก็สามารถทำได้ และเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
-คีย์ข้อมูล TeaTimeTalk

ปัญหา -คีย์ข้อมูลและวิเคราะห์เองทุกอย่าง พร้อมอธิยายความเป็นมาให้หัวหน้ารับทราบ

การแก้ไขปัญหา -ทำให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดและอธิบายให้หัวหน้าเข้ใจที่ทาที่ไป


วันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ฝึกงานอาทิตย์ที่ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันที่ 9 -13 พฤษจิกายน 2552

แผนก VW หรือ แผนกลูกค้าสัมพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ

-ภาพลงนิตยสารและหนังสือพิมพ์ในงานแถลงข่าว วันที่ 30 พ.ย. 52
-คีย์ข้อมูล Thaisky
-ทำวิจียเรื่อง Thaisky
-คีย์ข้อมูลเรื่อง Tea Time Talk
-ทำวิจัยเรื่อง Tea Time Talk
-เดินรับส่งเอกสารภายในบริษัท
-ถ่ายเอกสาร
-จัดทำเอกสารประกอบการสัมมนา


ปัญหา
-ให้งานมาไม่ค่อยมีคำอธิบาย
-พี่ๆเขาไม่ค่อยพูดเสียงดัง (เราเป็นคนพูดเสียงดังเลยต้องทำใจ)
-มีออกงานจัดงาน EVENT นอกสถานที่ด้วยบ่อยครั้ง ทั้งที่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และสำนักงานใหญ่
-อาหารแพง
-กลับถึงบ้าน 20.00 น.

การแก้ไขปัญหา
-สอบถามให้อธิบายงานมากกว่าเดิม

วันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ความรู้สึกในใจของตัวเองก่อนออกไปฝึกงานที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

วันนี้ส่วนมากเพื่อนๆๆในห้องของข้าพเจ้าก็จะออกไปฝึกงานกันเกือบทั้งหมดก็มีบางส่วนที่เป็นวันพรุ่งนี้
และข้าพเจ้าเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ออกไปฝึกงานในหน่วยงานที่ติดต่อใว้
รู้สึกตื่นเต้นจังเลนน่ะ แม้นว่าข้าพเจ้าเองจะยังไม่ออกไปฝึกงานแต่มือไม้มันก็เย็นจังเลย
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ความรู้สึกว่าตัวเองก็เริ่มแก่ (จิงไมน๊า) ข้าพเจ้าคิดไปเรื่อยว่าที่ฝึกงานของข้าพเจ้าจะรับน้องใหม่อย่างไรน๊า
เพราะวันที่ไปสมัคมีรุ่นพี่ที่เขาฝึกก่อนหน้านี้อยู่คนหนึ่งที่เป็น นศ. สถาบันเดียวกับกะข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งที่จะทำในที่ฝึกงานนั้นก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพราะคิดว่าจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหรอก
ก็คิดเหมือนกันนะว่า พี่ที่ฝึกงานเขาจะให้เราทำไรบ้างเนี้ย จะดุเราไมเนี้ยถ้าเราทำไม่ได้ เค้าจะคอมเม้นท์มาว่าไรน๊าอยากรู้จิงเชียว
เราจะผ่านฝึกงานไมน๊า เราจะไปทันไมน๊า เพราะเราก็นั่งรถตั้งสามต่อน่ะ ตอนเที่ยงเราจะไปทานข้าวที่ไหนน๊า
ราคาอาหารต้องแพงแน่ๆเลย หรือจะห่อข้าวไปกินดีนะ ถ้าห่อไปเราจะไปนั่งกินที่ไหนดีล่ะ บางคนก็คงเป็นเหมือนข้าพเจ้า
ถ้าเราต้องไปในที่ที่เราไม่เคยไป ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว
ข้าพเจ้าจะคิดซะว่าเราป็นส่วนหนึ่งของพนักงานในองค์กรนั้นและทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีที่สุด
เท่าที่เราจะมีความสามารถ อาจารย์บอกกะข้าพเจ้าว่า "ออกไปฝึกงานแล้วไม่มีใครหรอกนะที่จะมาจี้ว่าถูกหรือผิด"
ข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองมีความตั้งใจเต็มที่ต่อการฝึกงานรอบแรกในชีวิตและสถานที่ฝึกงานก็มีชื่อเสียงมาก
ข้าพเจ้าบอกกับตัวเองว่าออกไปฝึกงานให้มีความตังใจให้มากๆนะแล้วก็ประสบผลสำเร็จเอง
เราทำในสิ่งที่ดีทำไมเราจะไม่ได้สิ่งที่ดีตอบแทนบ้างถึงมันจะมาช้าเกินรอก็ตาม
ใว้แค่นี้ก่อนนะค่ะไว้ฝึกงานจบแล้วจะมาเล่าให้ฝังใหม่นะค่ะ
ที่มา:ความรู้สึกของตนเอง

วันอังคารที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

เทือกเขาอัลไต

เทือกเขาอัลไต เป็นเทือกเขาในเอเชียกลาง บริเวณพรมแดนร่วมของประเทศรัสเซีย จีน มองโกเลีย และคาซัคสถาน และยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญ คือ แม่น้ำอิร์ทีช (Irtysh) แม่น้ำโอบ (Ob) และแม่น้ำเยนิไซ (Yenisei) ด้วย ส่วนปลายทางตะวันตกเฮียงเหนือของเทือกเขา อยู่ที่พิกัด 52 องศาเหนือ กับระหว่าง 84 และ 90 องศาตะวันออก (ซึ่งไปจรดกลืนเขากับเทือกเขาสายัน (Sayan Mountains) ทางตะวันออก) และทอดยาวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงพิกัด 45 องศาเหนือ 99 องศาตะวันออก แล้วค่อยๆ ต่ำลง กลืนเข้ากับที่ราบสูงแห่งทะเลทรายโกบี
ชื่อ อัลไท ในภาษาตุรกี สะกด "Alytau" หรือ "Altay" มาจากศัพท์ Al (ทองคำ) และ tau (ภูเขา) ในภาษามองโกเลีย เรียกว่า อัลทาอิน-อูลา หมายถึง เทือกเขาแห่งทองคำ เทือกเขาแห่งนี้ ยังมีชื่อเรียกว่า เอก-ทัค (Ek-tagh),อัลไตแห่งมองโกล (Mongolian Altai) อัลไตใหญ่ (Great Altai) และอัลไตใต้ (Southern Altai)
เทือกเขาอัลไตยังเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักศึกษาประวัติศาสตร์ภาษาไทย เนื่องจากเคยเชื่อกันว่า เป็นที่ตั้งดั้งเดิมของชาวไทยสมัยโบราณ ก่อนจะอพยพลงมาจนถึงบริเวณประเทศไทยในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันนี้ความคิดดังกล่าวไม่ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการส่วนใหญ่ ทว่ายังมีเนื้อหาเช่นนี้ปรากฏในตำราเรียน หรือหนังสือด้านประวัติศาสตร์อยู่บ้าง

ยอดเขาเบลูชา แห่งเทือกเขาอัลไต

เทือกเขาอัลไต (Altay Mountains)มีวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงามและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าจิ่วจ้ายโกวหลายเท่ามีทุ่งหญ้าตามเนินเขาที่เขียวขจีสู่จุดเหนือสุดของซินเกียงบนรอยต่อของชายแดน 4 ประเทศ คือ คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลียและจีนบริเวณนี้ คือที่ตั้งของเทือกเขาอันเลื่องชื่อเทือกเขาอัลไตอยู่ใจกลางเขตไซบีเรียตอนกลาง

เขตภูเขาอัลไตจึงนับเป็นเขตไซบีเรียในเขตเมืองจีน เป็นทะเลสาบเทือกเขาที่สูงชัน สัมผัสธรรมชาติของฝูงแพะ ฝูงแกะ ในหมู่บ้านเหอมู่ชุนหมู่บ้านเก่าแก่ซึ่งยังคงอนุรักษ์ ไว้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมฟาร์มปศุสัตว์ต่างๆ ฝูงสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้มากมาย

ชาวบ้านที่นี่ เป็นชนเผ่ามองโกล เผ่าอาซาเค่อ เผ่าถูวาอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของทะเลสาบชนเผ่าถูวาสืบเชื้อสายมาจากผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของมองโกเลีย เจงกีสข่านชาวถูวา ใช้ ภาษาเติร์ก เพราะอยู่ใกล้กับคาซัคสถานและ

ยังชีพด้วยการล่าสัตว์ ในสมัยราชวงศ์ถังและหยวนเรียกชนเผ่านี้ว่า “กัวปา”ดินแดนแถบนี้เคยเป็นที่อยู่ของชาวรัสเซียก่อนที่ชาวถูวาจะอพยพเข้ามาอาศัยอยู่

บริเวณเขตเทือกเขาอัลไต สามารถลัดเลาะไปตามแนวภูเขาที่งดงามทัศนียภาพสองข้างทาง มีเขตทุ่งหญ้าสีเขียว ป่าสน ลำธารที่ไหลเชี่ยวกรากจนถึง ป่าสงวนแห่งชาติ

คานาส หรือคานาสือ (Kanas Nature Reserve) ที่รู้จักกันดีว่ามีทิวทัศน์งดงามและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าจิ่วจ้ายโกวหลายเท่าครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500 ตร.กม. ห่างจากชายแดนมองโกเลียและรัสเซียประมาณ 155 กม.

เขตท่องเที่ยวในเขตไซบีเรียของจีนแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยป่าสน ต้นไม้กว่า 798ชนิด พืชและสัตว์ตระกูลหายาก นก 75 ชนิด แมลง ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเสือดาวหิมะ สุนัข จิ้งจอกสีเงิน

ทะเลสาบคานาส (Kanas Lake)มีความหมายว่า สถานที่ซึ่งมีความสวยงามและ ลึกลับ ในภาษามองโกลและเตอร์กิสเป็นทะเลสาบน้ำแร่ขนาดใหญ่ที่ถูกโอบล้อมด้วยอ้อม กอดของขุนเขายิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย และมีขนาดใหญ่กว่าทะเลสาบเทียนฉือถึง 10 เท่าซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกกลางเทือกเขาอัลไต

บริเวณนี้ถูกขนานนามว่า “โอเอซิส สวรรค์แห่งซินเกียง”การปกคลุมของหิมะและน้ำแข็งอันยาวนานบนแม่น้ำคานาสทำให้เกิดทะเลสาบคานาสซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,375 เมตรน้ำลึกเฉลี่ย 90 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 40 ตร.กม. ทะเลสาบคานาสมีความงดงามหลากสีสัน น้ำใสเหมือนกระจก

ด้วยลักษณะเฉพาะนี้ทำให้น้ำในทะเลสาบสามารถเปลี่ยนสีได้ตามฤดูกาลต่างๆ และตามสภาพอากาศ ภายใน1 วัน สามารถเปลี่ยนสีเขียวเป็นสีฟ้า สีเทาเป็นสีขาวได้

ที่จุดชมวิวทะเลสาบคานาส มองดูคล้ายกับในประเทศแคนาดาที่นี่สามารถชมปลาและชมวิวทะเลสาบคานาสได้กว้างที่สุดถ้าหากทัศนวิสัยดีจะมองเห็นยอดเขามิตรภาพซึ่ง มีความสูง 4,347 เมตรเป็นพรมแดนระหว่างจีนและรัสเซีย


วันพุธที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒

เรื่องของ เลข 9 ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009

โดย สกุณา ประยูรศุข

หากลองสังเกตรอบตัวสักนิด ณ เวลานี้ จะเห็นป้ายผ้า ป้ายโปสเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นหราทั้งตามสี่แยก ห้างสรรพสินค้า และแม้กระทั่งตามวัดวาต่างๆ ชักชวนให้ทำบุญ หรือประกอบกิจกรรม กิจพิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 09.09 น. ปี 2009

เพราะความเชื่อในเรื่องของ "เลข 9" ว่าเป็นเลขมงคล เป็นฤกษ์งามยามดี เป็นโชค หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หมู่คนไทยเวลานี้นิยมยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งทางใจ

โดยเฉพาะตัวเลขที่ปรากฏบนปฏิทินของปีฉลู 2009 วันที่ 9 เดือน 9 ถือเป็นเลขสวยที่สุดของศตวรรษก็ว่าได้

ความคิดเห็นความเชื่อของเลข 999 ที่ปรากฏขึ้นนี้ แบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่เห็นว่าเป็น เลขมงคล จะทำการต่างๆ หรือพิธีต่างๆ ในวันนี้กันอย่างคึกคัก คนที่ยังไม่มีกิจกรรม ก็จะสรรหา คิดค้นขึ้นมาให้สอดคล้องต้องกับวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงไปยังเลข 9 อาทิ การจัดงานไหว้พระทำบุญ 9 วัด ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 หรือ ทำพิธีปลุกเสกพระศักดิ์สิทธิ์ตามวัดต่างๆ เป็นต้น

อีกฝ่ายเห็นว่าเป็น เลขลึกลับ น่ากลัว โดยเฉพาะในฝ่ายของคริสต์ศาสนา ที่มีบางพวกเชื่อว่าเป็นวันฟื้นคืนชีพของซาตาน

ความจริงคนถือฤกษ์ยาม วันที่ 9 เดือน 9 มีมาเกือบทุกปี พ.ศ.อยู่แล้ว เพราะถือเป็น "กระทิงวัน" ซึ่งความหมายของกระทิงวันบอกไว้ว่า เป็นวันใดวันหนึ่งที่มีเลขตรงกันสามตัวขึ้นไป

และปีนี้ปรากฏว่ามีเลข 9 ตรงกัน คือ วันที่ 9 เดือน 9 (กันยายน) ปี 2009 วันเช่นนี้ถือเป็นวันที่มีความแข็งกล้า มีความสำคัญในหลักโหราศาสตร์และไสยศาสตร์

โดยเฉพาะในด้านไสยศาสตร์ สายเกจิอาจารย์ที่มีคาถาอาคม ความเชื่อทางไสยศาสตร์ เรื่องเลข 9 สนุกสนานไม่แพ้กัน โดย อาจารย์หนู กันภัย เกจิอาจารย์ด้านสักยันต์ลงคาถาอาคมชื่อดัง กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เดือนกันยายนมี "วันเสาร์ห้า" เป็นวันแข็ง ถ้าทำพิธีปลุกเสกตามวัดต่างๆ จัดว่าดี และถ้าเป็นวันเสาร์ห้าที่มีเลข 9 คือวันเสาร์ห้าในเดือน 9 แล้วยิ่งจะแรงขึ้นอีกหลายเท่า

"ยิ่งถ้าเป็น 999 ก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ คือวันที่ 9 เดือน 9 แรม 9 ค่ำ ซึ่งก็คือวันที่ 9 ในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นเลขมงคลอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่จะใช้เป็นฤกษ์ในการทำพิธีปลุกเสก หรือพุทธาภิเษกเครื่องรางของขลัง เรียกกันในวงการว่าเป็นฤกษ์ 5 มหาเศรษฐี เป็นวันธงชัย เพราะฉะนั้น ฤกษ์ที่เป็นเสาร์ห้าก็ดี หรือกระทิงวัน 999 ก็ดี จะไม่มีพวกอุบาทว์ จะไม่มีพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก จะเป็นฤกษ์ที่รุกขเทวดามาชุมนุมกัน ซึ่งทางพระสงฆ์เองก็ถือว่าเป็นวันดีวันแข็งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า"

อย่างไรก็ดี อาจารย์หนูบอกว่า เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลด้วย เพราะบางคนไม่ถือฤกษ์ยาม หรือมีวิธีแก้เคล็ด พร้อมยกตัวอย่างวัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือวัดหลวงพ่อโสธร มีการจัดงานประจำปีทุกปี และบังเอิญว่าวันที่จัดไปตรงกับฤกษ์วันโลกาวินาศ แต่ทางวัดก็ยังจัดโดยมีวิธีแก้ คือจัดพิธีบูชาฤกษ์

"สำหรับผมแล้วเห็นว่าวันของคนไทยเราดีทุกวัน ตราบใดที่มีลมหายใจอยู่ดีทุกวันก็ถือว่าดี ส่วนเลข 9 ก็เป็นความเชื่อของคนไทย ที่เชื่อว่าเลข 9 ตามตำราเป็นเลขดีเลขมงคล ขณะที่คนจีนกลับบอกว่า เลข 8 ดี จริงๆ แล้วอย่าไปยึดติดตัวเลขอะไรกันมาก วันไหนก็ดีทุกวัน ขอให้ยึดถือทำความดีเป็นที่ตั้ง เราจะทำความดีจุดธูปไหว้พระ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นวันไหน ทองย่อมเป็นทองแม้อยู่ในน้ำครำก็เป็นทอง หากมีเวลาอยากให้ไปทำบุญกันให้มากๆ ไม่ว่าวันไหนก็ตาม เช่นตอนนี้ที่วัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ กำลังจะสร้างโรงทาน ใครอยากไปทำบุญไปได้ทุกวัน เวลา.."

ส่วนความเชื่อในทางโหราศาสตร์นั้น "นงนภัส ลิมวิภา" หมอดูที่เรียกตัวเองว่า "มิติแห่งจิตสัมผัส" พูดถึงเรื่องของเลข 9-9-9 ว่า ในวันที่ 9 กันยายนนี้ ตามตำราจีนถือว่าเป็นวันธงชัย เหมาะแก่การทำงานมงคลต่าง ๆ

แต่คนไทยส่วนมากจะคิดว่าเลข 9 เป็นสัญลักษณ์ของดาวเกตุ-ดาวเกตุเหมือนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดาวมงคลคุ้มครอง ในความเห็นของตน เลข 9 เหมือนดาบสองคม ถ้าปฏิบัติดีเลขก็จะส่งเสริม แต่ถ้าไม่ได้ทำในสิ่งที่ดี เลข 9 ก็จะไม่ส่งผลอะไร

"จริง ๆ แล้วในหลักของตัวเลข วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 มันคือ 9 สามตัวบวกกันแล้วจะได้ 27 ความหมายของศาสตร์ ตัวเลข 27 ร้ายแรงมาก หมายถึงความเป็นอัปมงคล มีแต่เรื่องสูญเสีย โรคภัยไข้เจ็บ ชีวิตมีแต่ปัญหา แต่ไม่ต้องกังวลอะไรมาก คนเราจะทำความดีวันไหนก็ได้ เพราะวันไหนก็ดีทั้งนั้น ถ้าพร้อม เมื่อพร้อมใจก็สบายไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่นลงตัว"

นงนภัสกล่าวเพิ่มเติมในแง่ของโหราศาสตร์ทำนายดวงชะตาในปีที่มีเลข 999 ปี 2552 ว่า สถานการณ์ทั่วไปไม่ถึงกับรุนแรงวิปโยค แต่จะเต็มไปด้วยความขัดแย้ง วุ่นวาย และน่าเบื่อหน่ายพอสมควร

"ที่น่าห่วงคือเรื่องที่เกี่ยวกับน้ำและไฟ น่าห่วงมากที่สุด ขอให้อย่าประมาทในภัยธรรมชาติ จะรุมกระหน่ำพอสมควร แต่อย่าได้ตกใจกับข่าวต่าง ๆ มากเกินไป มีสติ แล้วทุกอย่างจะแก้ไขได้ จากนี้ไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น จะมีดีเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น คนส่วนใหญ่ยังเหนื่อยมาก ไม่มีใครช่วยได้นอกจากช่วยตัวเอง โดยการใช้จ่ายอย่างพอเพียง ลดสิ่งที่ไม่จำเป็นลงบ้างแค่นี้ก็ดำรงชีพอยู่ได้แล้ว"

ส่วนช่วงปลายปี 2552 ในเดือนธันวาคม นงนภัสบอกว่า จะมีเหตุการณ์ขัดแย้งหนัก ขอให้ทุกคนใจเย็น ใช้ธรรมในการดำรงสติและชีวิต โดยเฉพาะรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน จะสร้างความรักความสุขให้เกิดขึ้น เหตุการณ์ไม่ดีก็จะอ่อนลงไม่ทำร้ายกันในที่สุด

"อยากแนะนำให้ทุกคนสวดมนต์บท มงกุฎพระพุทธเจ้า วันละ 18 จบ จะแคล้วคลาดปลอดภัย และอย่าลืมแผ่เมตตาให้สรรพสิ่งด้วย" สาวผู้มีมิติแห่งจิตกล่าว

ทางด้านพระพุทธคุณ พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา เขตสาทร ซึ่งขณะนี้กำลังมีงานพิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พูดถึงเรื่องของเลข 9 ในเดือนกันยายนนี้ ว่า ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ยึดถือตัวเลขอะไรทั้งนั้น ฉะนั้น ความเชื่อเรื่องเลข 9 เป็นความเชื่อของประชาชน คือวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 เป็นตัวเลขที่สวย

"อาตมาว่าการทำความดีไม่ต้องไปยึดกับตัวเลข ทำดีได้ทุกวัน การทำความชั่ววันไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น วันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 ถ้าประชาชนได้ร่วมกันทำความดีเพื่อประเทศชาติ ก็เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ทางโบราณเขามีกำหนดเอาไว้ตามหลักสถิติ ก็ว่ากันไป ยกตัวอย่างวัดเสาร์ห้ามขึ้นบ้านใหม่ ทำไปแล้วมีเรื่องเดือดร้อน หรือแต่งงานวันพุธไม่ดี ปูที่นอนส่งตัววันพุธไม่ดี อาตมาเองไม่เคยเชื่อในเรื่องโหราศาสตร์ อาตมาเชื่อมั่นตามหลักพระพุทธเจ้าสอน ทุกวันเป็นวันดีหมด เวลาญาติโยมมากราบพระ อยากจะได้วันไหนก็เป็นเรื่องที่ญาติโยมกำหนดเอาเอง ว่าวันไหนทำแล้วสบายใจก็ทำ"

หลวงพ่อศิษย์ตถาคตยังบอกด้วยว่า เวลานี้ทางวัดยานนาวาได้จัดกิจกรรม ในวันเสาร์-อาทิตย์ มีพระมาเทศนา สอนธรรมะ สอนปฏิบัติธรรม นอกจากนี้ ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาให้ประชาชนได้สักการะบูชากัน

"ถ้าอยากทำความดีก็มา ไม่ว่าวันไหน เดือนไหน ตัวเลขอะไร ดีทั้งนั้น อาตมาขอแนะนำ"

เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ใครเชื่ออย่างไหนก็ทำอย่างนั้น แต่เรื่องของความดี ทำดีได้ดี เป็นเรื่องจริง เป็นของจริง

ที่มาของชื่อ"เดือนกันยายน"

ชื่อเดือนที่ 9 ของปีตามปฏิทินสุริยคติ ข้อมูลพื้นฐานบอกว่า เป็น 1 ใน 4 เดือนที่มีจำนวนวัน 30วัน

เดือนกันยายนเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีกันย์ และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีตุลย์ แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนกันยายนดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวสิงโตและปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว

ภาษาอังกฤษเรียกเดือนนี้ว่า "September" มาจากภาษาละติน "septem" ที่แปลว่า "เจ็ด-7"

แต่กลายเป็น 9 ในปีปฏิทินทางสุริยคติ นั่นเป็นเพราะว่าเดิม "September" เป็นเดือนที่ 7 ของปีในปฏิทินโรมัน จนกระทั่ง 153 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีการปฏิรูปปฏิทินขึ้นมาใหม่ จากเดิมที่นับเดือน "มีนาคม" เป็นเดือนที่ 1 ของปี ก็เปลี่ยนมานับ "มกราคม" เป็นเดือนที่ 1 ของปีแทน จึงทำให้เดือนเซ็พเทมเบอร์ (กันยายน) กลายเป็นเดือนที่ 9

ส่วนในเมืองไทย มีการประกาศใช้ปฏิทินแบบใหม่ตามอย่างฝรั่ง (แบบสุริยคติ) ในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ถึงแม้จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ คนไทยก็ยังใช้ปฏิทินตามอย่างจันทรคติควบคู่ไปด้วย สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ จึงทรงคิดตั้งชื่อเดือนในปฏิทินไทยขึ้น ตั้งแต่มกราคม ถึงธันวาคม โดยทรงใช้ตำราตามจักรราศีตามวิชาโหราศาสตร์มาตั้งชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน

ทำให้เดือนกันยายนในความหมายปฏิทินไทย คือ "กันย" (สาวพรหมจารี) + "อายน" (การมาถึง) รวมความเป็น "กันยายน" หมายถึงการมาถึงของราศีกันย์


ที่มา:http://www.zazana.com/News1/9-9-9-2009-id5674.aspx





วันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา

ปัจจุบันสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มี 21 สะพาน ตัวเลขความสูงคือความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ในวงเล็บคือวันเปิดการจราจร เรียงตามตัวอักษร ดังนี้
1 .สะพานกรุงธน หรือ สะพานซังฮี้ ถ.ราชวิถี เชื่อมเขตดุสิต-เขตบางพลัด (7 มี.ค. 2500) ความยาวสะพาน 366.20 เมตร สูง 7.50 เมตร
2.สะพานกรุงเทพ เชื่อมสี่แยก ถ.ตก เขตบางคอแหลมทางฝั่งพระนคร-สี่แยกบุคคโล ทางฝั่งธนบุรี (25 มิ.ย. 2502) ความยาวสะพานช่วงกลางน้ำ 226 เมตร สูง 7.50 เมตร
3.สะพานกาญจนาภิเษก ส่วนหนึ่งของถ.กาญจนาภิเษก (ช่วงทางพิเศษบางพลี-สุขสวัสดิ์) ข้ามท้องที่ ต.บางจาก เขตเทศบาลเมืองลัดหลวง-ต.บางหัวเสือเขตเทศบาล ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ (15 พ.ย. 2550) สูง 52 เมตร เป็นสะพานขึงที่มีช่วงกลางแม่น้ำยาวที่สุดในประเทศคือ 500 เมตร
4.สะพานนครนนทบุรี เชื่อมพื้นที่ต.บางกร่าง และต.บางศรีเมือง-ต.สวนใหญ่ และ ต.ตลาดขวัญ อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในปี 2554 ความยาวสะพาน 500 เมตร สูง 9 เมตร
5.สะพานนนทบุรี หรือ สะพานนวลฉวี ข้ามแยกสวนสมเด็จ-แยกบางคูวัด (24 มิ.ย. 2502) ความยาวสะพาน 260.20 เมตร สูง 7.50 เมตร
6.สะพานปทุมธานี ส่วนหนึ่งของถ.ปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-บางเลน (23 ก.ย. 2527) สูง 7.80 เมตร ความยาวสะพาน 239.10 เมตร
7.สะพานพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี เชื่อมถ.รัตนาธิเบศร์ (23 ก.ค. 2528) สูง 7.40 เมตร ความยาวสะพาน 329.10 เมตร
8.สะพานพระนั่งเกล้าใหม่ อยู่ด้านเหนือของสะพานพระนั่งเกล้าเดิม เชื่อมต่อกับช่องทางหลักของ ถ.รัตนาธิเบศร์ อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าแล้วเสร็จในเดือนธ.ค. 2551 ความยาวสะพาน 2 กิโลเมตร เป็นสะพานคอนกรีตบล็อกที่มีช่วงกลางแม่น้ำยาวที่สุดในโลก สูง 16.40 เมตร
9.สะพานพระปกเกล้า เคียงขนานกันกับสะพานพระพุทธยอดฟ้า (3 ธ.ค.2527) ความยาวสะพาน 348.20 เมตร สูง 8.90 เมตร
10.สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ หรือ สะพานพระพุทธยอดฟ้า ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปลายถ.ตรีเพชร (6 เม.ย. 2475) ความยาวสะพาน 229.76 สูง 7.50 เมตร
11.สะพานพระราม 3 เชื่อมถ.รัชดาภิเษกฝั่งธนบุรี-ถ.พระรามที่ 3 ฝั่งพระนคร (30 มี.ค. 2543) สูง 34 เมตร เป็นสะพานคอนกรีตที่มีช่วงกลางยาวที่สุดของประเทศคือ 226 เมตร และเป็นอันดับที่ 17 ของโลก
12.สะพานพระราม 4 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้านทิศเหนือของเกาะเกร็ด เชื่อมต.บางตะไนย์-ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เป็นส่วนต่อจากสะพานลอยรถข้ามห้าแยกปากเกร็ดตามแนว ถ.แจ้งวัฒนะ (8 ธ.ค. 2549) สูง 5.60 เมตร ความยาวสะพาน 278 เมตร
13.สะพานพระราม 5 ตั้งอยู่บริเวณวัดนครอินทร์ อ.เมือง นนทบุรี เชื่อมต่อกับถ.ติวานนท์-เพชรเกษม-รัตนาธิเบศร์ (21 มิ.ย. 2545) ความยาวสะพาน 939 เมตร สูง 7.90 เมตร
14.สะพานพระราม 6 ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาระหว่างเขตบางซื่อ-เขตบางพลัด ความยาวสะพาน 443.60 เมตร บนสะพานข้างหนึ่งเป็นทางรถไฟ สูง 10 เมตร (1 ม.ค. 2469 และเปิดใหม่เมื่อบูรณะหลังถูกระเบิดเสียหายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 12 ธ.ค. 2496)
15.สะพานพระราม 7 เชื่อมเขตบางซื่อ-อ.บางกรวย จ.นนทบุรี (23 ก.ย. 2535) ความยาวสะพาน 934 เมตร สูง 5.50 เมตร
16.สะพานพระราม 8 เชื่อมต่อโครงการทางคู่ขนานลอยฟ้า ถ.บรมราชชนนี ผ่านถ.อรุณอมรินทร์ ข้ามแม่น้ำไปบรรจบ ถ.วิสุทธิกษัตริย์ (20 ก.ย. 2545) สูง 11.50 เมตร ความยาวสะพาน 300 เมตร ยาวที่สุดในโลกในประเภทสะพานขึงแบบอสมมาตรกับทางยกระดับ ไม่มีเสาหรือตอม่อกลางน้ำ
17.สะพานพระราม 9 เป็นส่วนหนึ่งของทางด่วนเฉลิมมหานครสายดาวคะนอง-ท่าเรือ เชื่อมเขตยานนาวา-เขตราษฎร์บูรณะ (5 ธ.ค. 2530) สูง 41 เมตร ความยาวสะพาน 782 เมตร เป็นสะพานขึงแห่งแรกของไทยและมีช่วงกลางยาวที่สุดในโลก
18.สะพานพระราม 9 (2) คู่ขนานสะพานพระราม 9 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษศรีรัช-ดาวคะนอง เป็นสะพานคู่แฝดของสะพานพระราม 9 ขนาดความยาวและสูงจึงเท่ากัน
19.สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เชื่อม ต.ทรงคนอง-ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ (20 ก.ย. 2549) สูง 50 เมตร ความยาวสะพาน 398 เมตร
20.สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เชื่อม ถ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าเขตพระนคร-เขตบางพลัดและบางกอกน้อย (24 ก.ย. 2516) ความยาวสะพาน 622 เมตร สูง 11.50 เมตร
21.สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือ สะพานสาทร เชื่อมถ.สาทรเขตสาทร และบางรัก-ถนนกรุงธนบุรี เขตคลองสาน (6 พ.ค.2525) ความยาวสะพาน 224 เมตร สูง 12 เมตร

ที่มา:http://www.thaisamkok.com/forum/index.php?showtopic=8772

วันอาทิตย์ที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

Hot Keys สำหรับ Microsoft Word

CTRL + A = Select All เลือกทั้งหมด
CTRL + B = Bold ตัวหนา
CTRL + C = Copy คัดลอก
CTRL + D = Font format กำหนดรูปแบบอักษร
CTRL + E = Center ตรงกลาง
CTRL + F = Find ค้นหา
CTRL + G = Goto ไปที่
CTRL + H = Replace แทนที่
CTRL + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + J = Justify จัดชิดขอบ
CTRL + K = Insert Hyper Link แทรกการเชื่อมโยงหลายมิติ
CTRL + L = Left จัดชิดซ้าย
CTRL + M = Indent เพิ่มระยะเยื้อง
CTRL + N = New สร้างแฟ้มใหม่
CTRL + O = Open เปิดแฟ้มใหม่
CTRL + P = Print พิมพ์
CTRL + Q = Reset Paragraph ตั้งค่าย่อหน้าใหม่
CTRL + R = Right จัดชิดขวา
CTRL + S = Save จัดเก็บ (บันทึก)
CTRL + T = Tab (ตั้งระยะแท็บ)
CTRL + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + V = Paste วาง
CTRL + W = Close ปิดแฟ้ม
CTRL + X = Cut ตัด
CTRL + Y = Redo or Repeat ทำซ้ำ
CTRL + Z = Undo ยกเลิกการกระทำครั้งล่าสุด
CTRL + SHIFT + A = All Caps ทำเป็นตัวใหญ่ทั้งหมด (สำหรับภาษาอังกฤษ)
CTRL + SHIFT + B = Bold ตัวหนา
CTRL + SHIFT + C = Copy Format คัดลอกรูปแบบ
CTRL + SHIFT + D = Double Underline ขีดเส้นใต้ 2 เส้น
CTRL + SHIFT + E = Revision Mark Toggle สลับการทำเครื่องหมายรุ่นเอกสาร
CTRL + SHIFT + F = Fonts Name Select เลือกชื่อแบบอักษร
CTRL + SHIFT + G = Word count นับจำนวนคำ
CTRL + SHIFT + H = Hidden ซ่อน
CTRL + SHIFT + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + SHIFT + J = Thai Justify จัดคำแบบไทย
CTRL + SHIFT + K = Small Caps ทำอักษรตัวพิมพ์เล็กให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่แบบเล็กๆ
CTRL + SHIFT + L = Apply List Bullet ใช้เครื่องหมายหน้าข้อ
CTRL + SHIFT + M = Unindent ลดระยะเยื้อง
CTRL + SHIFT + N = Normal Style ใช้ลักษณะแบบปกติ
CTRL + SHIFT + O = N/A
CTRL + SHIFT + P = Font Size Select เลือกขนาดแบบอักษร
CTRL + SHIFT + Q = Symbol Font ใช้แบบอักษรสัญลักษณ์
CTRL + SHIFT + R = Recount Words นับคำใหม่
CTRL + SHIFT + S = Style กำหนดลักษณะ
CTRL + SHIFT + T = Unhang ไม่แขวนภาพ
CTRL + SHIFT + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + SHIFT + V = Paste Format วางรูปแบบ
CTRL + SHIFT + W = Word Underline ขีดเส้นใต้เฉพาะคำ
CTRL + SHIFT + X = N/A
CTRL + SHIFT + Y = N/A CTRL + SHIFT + Z = Reset Character ตั้งค่าแบบอักษรใหม่
CTRL + ALT + A = N/A CTRL + ALT + B = N/A CTRL + ALT + C = Copyright sign ((c)) สัญลักษณ์ลิขสิทธิ์
CTRL + ALT + D = N/A CTRL + ALT + E = Euro Sign (?) สัญลักษณ์เงินยูโร
CTRL + ALT + F = Insert Footnote Now แทรกหมายเหตุ
CTRL + ALT + G = N/A
CTRL + ALT + H = N/A
CTRL + ALT + I = Print Preview ตัวอย่างก่อนพิมพ์
CTRL + ALT + J = N/A
CTRL + ALT + K = Auto Format จัดรูปแบบอัตโนมัติ
CTRL + ALT + L = Insert List Number แทรกเลขลำดับหน้าข้อ
CTRL + ALT + M = Insert Annotation แทรกคำอธิบาย
CTRL + ALT + N = Normal View มุมมองปกติ
CTRL + ALT + O = Outline View มุมมองแบบร่าง
CTRL + ALT + P = Page View มุมมองเหมือนพิมพ์
CTRL + ALT + Q = N/A
CTRL + ALT + R = Registered sign สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
CTRL + ALT + S = Document Split แยกเอกสาร
CTRL + ALT + T = Trade Mark sign (?) สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า
CTRL + ALT + U = Update Auto Format for Table ปรับปรุงการจัดรูปแบบอัตโนมัติในตาราง
CTRL + ALT + V = Insert Auto Text แทรกข้อความอัตโนมัติ
CTRL + ALT + W = N/A
CTRL + ALT + X = N/A
CTRL + ALT + Y = Repeat find ค้นหาเพิ่มเติม
CTRL + ALT + Z = Go back ย้อนกลับ
CTRL + < = Decrease Font size by step ลดขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + > = Increase Font size by step เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + [ = Decrease Font size by point เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + ] = Increase Font size by point ลดขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + - = Optional Hyphen แทรกยัติภังค์
CTRL + _ = Non Breaking Hyphen แทรกยัติภังค์แบบไม่แบ่งคำ
CTRL + = = Sub Script ตัวห้อย
CTRL + + = Super Script ตัวยก
CTRL + = Toggle Master sub documemt สลับไปมาระหว่างเอกสารหลักและเอกสารย่อย
CTRL + , = Prefix Keys กำหนดแป้นพิมพ์

@ สัญลักษณ์นี้มีที่มา?


@ สัญลักษณ์นี้มีที่มา?

เรย์ ทอมลินสัน วิศวกรคอมพิวเตอร์ ได้รับการบันทึกว่า เป็นบุคคลแรกที่นำ @ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของ
ชื่ออีเมล ในปี 1971 เพียงเพราะเขาต้องการหาสัญลักษณ์บางอย่างบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่ใจว่าจะไม่มีปรากฏในชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง โดยหลังจากนั้นมา การใช้ @ (arroba) ในชื่ออีเมลเพื่อบอกสังกัดอีเมลของผู้ใช้ก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ทว่า หากจะถามถึงที่มาของ @ ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอีเมลนั้น ไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า ใครเป็นคนแรกที่นำมาใช้ เนื่องจาก มีหลากหลายทฤษฎีอธิบายเอาไว้แตกต่างกันออกไป ทฤษฎีแรกนั้นสันนิษฐานว่า @ ปรากฏให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในยุคกลางของยุโรป ซึ่งในสมัยนั้นคนยุโรปจะชอบเขียนตัวหนังสือแบบลากหางของตัวอักษรขึ้นหรือลงยาวๆ ซึ่งตัว @ มาจาก a นั่นเอง ขณะที่ อีกทฤษฎีหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไประบุว่า @ มาจากคำว่า 'ad' ซึ่งเป็นคำบุพบทในภาษาลาติน หมายถึง "ที่" ในทำนองเดียวกัน ก็มีอีกแนวคิดที่คล้ายๆ กันอธิบายว่า @ เป็นตัวย่อของ 'ana' (ava) คำบุพบทในภาษากรีก ซึ่งมีหมายความว่า ในอัตรา...(ตามด้วยคำบอกจำนวน) โดยมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเชิงการพาณิชย์ ทว่าจากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของ จิออร์จิโอ สตาบิล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากโรม มีการเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับที่มาของ @ โดยเขาอ้างว่า สัญลักษณ์ดังกล่าว เคยมีร่องรอยปรากฏให้เห็นตั้งแต่สมัยเรอเนสซองซ์ของอิตาลี ในเอกสารการค้าแห่งเวนิส ซึ่งลงนามโดย ฟรานเซสโก ลาปี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1536 เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายไวน์ โดย @ ที่ปรากฏในเอกสารนี้มีความหมายว่า โถ หรือ เหยือก ซึ่งใช้เป็นภาชนะบรรจุไวน์ในสมัยนั้น อาทิเช่น @ of wine หมายถึง ไวน์ 1 เหยือก เป็นต้น สัญลักษณ์ @ ที่พบว่ามีการใช้อย่างแพร่หลายในตะวันตก มีที่มาจาก à ซึ่งเป็นบุพบทในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง "ที่" ทว่าเมื่อนำมาใช้ในเชิงการค้าจะหมายถึง "ราคาชิ้นละ..." ตัวอย่างเช่น 2 books@ 10 F. หมายถึง หนังสือ2 เล่ม ราคาเล่มละ 10 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีหลากหลายทฤษฎีที่อธิบายที่มาที่ไปของการใช้ @ มาตั้งแต่อดีตแล้ว แต่การใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวเพิ่งจะได้รับความนิยมสุดๆ ในแวดวงคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันนี่เอง


วันเสาร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

เคล็ดลับการตั้งชื่อ

วิธีตั้งชื่อที่เป็นมงคล ตามหลักโหราศาสตร์ แบบดูดวงชะตา ที่ใช้ วันเดือน ปี เวลา และจังหวัดที่เกิด มาคำนวณนั้นมีวิธี การตั้งชื่อเพื่อเสริมดวงชะตาแต่โดยทั่วไป จะอาศัยปูมทักษาพยากรณ์เข้าประกอบ โดยเรียงตามลำดับว่า บริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี ความหมายก็คือ
บริวาร หมายถึง มีบารมี มีผู้รับใช้ มีผู้คอยช่วยเหลือ
อายุ หมายถึง อายุขัย
เดช หมายถึง อำนาจ อิทธิพล
ศรี หมายถึง สิ่งที่เป็นศิริมงคล
มูลละ หมายถึง ทรัพย์สมบัติ มรดก
อุตสาหะ หมายถึง มีความขยันหมั่นเพียรพยายาม เพื่อให้บรรลุความสำเร็จ
มนตรี หมายถึง ผู้อุปการะ ผู้อุปถัมภ์ ผู้ให้คำปรึกษา
กาลกิณี หมายถึง สิ่งที่เป็นอัปมงคล เป็นเสนียดจัญไร สิ่งไม่ดีที่นำความทุกข์มาให้ ภูมิพยากรณ์ในแต่ละวันเป็นดังนี้

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ มี อาทิตย์เป็นบริวาร จันทร์เป็นอายุ อังคารเป็นเดช พุธเป็นศรี เสาร์เป็นมูลละ พฤหัสเป็นอุตสาหะ ราหูเป็นมนตรี ศุกร์เป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ มี จันทร์เป็นบริวาร อังคารเป็นอายุ พุธเป็นเดช เสาร์เป็นศรี พฤหัสเป็นมูลละ ราหูเป็นอุตสาหะ ศุกร์เป็นมนตรี อาทิตย์เป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันอังคาร มี อังคารเป็นบริวาร พุธเป็นอายุ เสาร์เป็นเดช พฤหัสเป็นศรี ราหูเป็นมูลละ ศุกร์เป็นอุตสาหะ อาทิตย์เป็นมนตรี จันทร์เป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันพุธกลางวัน มี พุธเป็นบริวาร เสาร์เป็นอายุ พฤหัสเป็นเดช ราหูเป็นศรี ศุกร์เป็นมูลละ อาทิตย์เป็นอุตสาหะ จันทร์เป็นมนตรี อาทิตย์เป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน(ราหู) มี ราหูเป็นบริวาร ศุกร์เป็นอายุ อาทิตย์เป็นเดช จันทร์เป็นศรี อังคารเป็นมูลละ พุธเป็นอุตสาหะ เสาร์เป็นมนตรี พฤหัสเป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันพฤหัส มี พฤหัสเป็นบริวาร ราหูเป็นอายุ ศุกร์เป็นเดช อาทิตย์เป็นศรี จันทร์เป็นมูลละ อังคารเป็นอุตสาหะ พุธเป็นมนตรี เสาร์เป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันศุกร์ มี ศุกร์เป็นบริวาร อาทิตย์เป็นอายุ จันทร์เป็นเดช อังคารเป็นศรี พุธเป็นมูลละ เสาร์เป็นอุตสาหะ พฤหัสเป็นมนตรี ราหูเป็นกาลกิณี
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ มี เสาร์เป็นบริวาร พฤหัสเป็นอายุ ราหูเป็นเดช ศุกร์เป็นศรี อาทิตย์เป็นมูลละ จันทร์เป็นอุตสาหะ อังคารเป็นมนตรี พุธเป็นกาลกิณี
อักษรที่ประจำปูมทักษาพยากรณ์ มีดังนี้
อาทิตย์ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
จันทร์ ก ข ค ฆ ง
อังคาร จ ฉ ช ซ ฌ ญ
พุธ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
เสาร์ ด ต ถ ท ธ น
พฤหัส บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
ราหู ย ร ล ว
ศุกร์ ศ ษ ส ห ฬ อ
ขั้นต่อไปให้นับเรียงลำดับพี่น้องที่เกิดตามกันมาในเพศเดียวกัน เช่น มีพี่น้อง 5 คน และเป็นบุตรคนที่ 4 แต่ก่อนหน้านี้ มีพี่สาว 2 คน เมื่อนับเรียงเฉพาะเพศชายก็จะได้ว่าเป็น บุตรชายลำดับที่สองเป็นต้น จะเปรียบเสมือนคล้ายกับคนเกิดวันจันทร์ด้วย เพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ของพระจันทร์
ในการเรียงลำดับที่เกิดตามเพศให้จัดเรียง ดังนี้
ลำดับที่ 1 เปรียบเหมือนเกิดวันอาทิตย์
ลำดับที่ 2 เปรียบเหมือนเกิดวันจันทร์
ลำดับที่ 3 เปรียบเหมือนเกิดวันอังคาร
ลำดับที่ 4 เปรียบเหมือนเกิดวันพุธ
ลำดับที่ 5 เปรียบเหมือนเกิดวันเสาร์
ลำดับที่ 6 เปรียบเหมือนเกิดวันพฤหัส
ลำดับที่ 7 เปรียบเหมือนเกิดวันราหู
ลำดับที่ 8 เปรียบเหมือนเกิดวันศุกร์
หากครบ 8 แล้วให้วนไปตั้งต้นที่ 1 ใหม่ และอักษรที่เป็น บริวาร อายุ เดช ศรี มูลละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี ก็ดูได้จากด้านบน เช่นเดียวกับคนที่เกิดในวันนั้น
จากนี้ไปจะอาศัยกฎมาตรฐาน 3 ข้อคือ
1. สำหรับผู้ชาย ให้ใช้อักษรที่เป็น เดช หรือ บริวาร ตามวันเกิดขึ้นต้น และต้องออกเสียงด้วย ส่วนผู้หญิง ให้ใช้อักษรที่เป็น ศรี หรือ บริวาร ตามวันเกิดขึ้นต้น และต้องออกเสียงด้วย
2. ให้งดเว้นอักษรที่เป็น กาลกิณี ตามวันเกิด มาใส่ไว้ในชื่อโดยเด็ดขาด
3. ให้งดเว้นอักษรที่เป็น กาลกิณี ตามลำดับเพศที่เกิด มาใส่ไว้ในชื่อโดยเด็ดขาด
ตัวอย่างเช่นผู้ชาย เกิดวันอาทิตย์ เป็นลูกคนที่ 6 เมื่อนับเรียงในเพศชาย เป็นลูกลำดับที่ 5 เมื่อเป็นดังนี้
อักษรที่ควรใช้
ตามวันเกิด คือ จ ฉ ช ซ ฌ ญ เพราะเป็นเดช และ อ อา อิ อี อุ อู เอ โอ เพราะเป็นบริวาร
ตามลำดับที่เกิดคือ ย ร ล ว เพราะเป็นเดช และ ด ต ถ ท ธ น เพราะเป็นบริวาร
อักษรที่ต้องห้ามคือ ศ ษ ส ห ฬ อ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิด และ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ กาลกิณีตามลำดับที่เกิด
นอกจากนี้ยังมีการตั้งชื่อเพื่อแก้ไขดวงชะตา หรืออาจเรียกว่า การตั้งชื่อเพื่อเสริมดวงชะตา
การตั้งชื่อเพื่อเสริมดวงชะตา วิธีที่ถูกต้อง จำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางโหราศาสตร์ ดูดวง ผูกดวงชะตาขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นต้องคำนวณหาจุดที่ดีเด่น หรือเรื่องที่ดีเด่นในดวงชะตา ของแต่ละคน รวมทั้งเรื่องร้ายที่จะมาคอยบั่นทอนดวงชะตา เมื่อพิจารณาดังนี้แล้วจึงนำมาประกอบร่วมกับหลักการดังกล่าวข้างต้น เพื่อกำหนดตั้งชื่อ ของเจ้าของดวงชะตาให้เด่น และมีท่านภาพขึ้นมาให้สมจริงกับดวงชะตา ส่วนในเรื่องที่ร้ายๆ ที่เกิดจากดาวร้ายต่างๆ ที่ไม่เกื้อหนุนชะตาก็จะเว้นไว้ไม่นำมาประกอบเป็นชื่อโดยเด็ดขาด เช่นเดียวกับเป็นกาลกิณี
การตั้งชื่อด้วยวิธีนี้จะเป็นการช่วยลดข้อผิดพลาดเช่น คนที่ใช้นามเดช แต่เดชในดวงชะตา นั้นอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี ก็ทำให้เป็นคนเอาแต่ใจ เมื่อโตขึ้นก็อาจจะกลายเป็นคนเกเร ชอบใช้อำนาจข่มขู่ ชอบใช้อิทธิพล ไม่เกรงกลัวผู้ใด นำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัว
หรือคนที่ใช้มูลละมาตั้งชื่อ แต่ตำแหน่งของดาวมูลละหรือทรัพย์สมบัติไม่ดี ก็อาจจะทำให้การได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติ มักได้มาในทางที่ผิดทำนองคลองธรรม
ในการหาชื่อที่เป็นมงคล ท่านสามารถหาได้จากหนังสือพจนานุกรม และให้เลือกความหมายของชื่อที่เป็นมงคลเท่านั้น และมีหลักเพิ่มเติมอีกว่าชื่อของ เทวดา พระพรหม นางฟ้า เทพเจ้า หรือหัวใจคาถา ต่างๆ จะไม่นิยมมาตั้งเป็นชื่อ เพราะถือว่าเป็นชื่อที่ต้องห้าม ใช้ได้เฉพาะตัวเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ แต่เปรียบเสมือนว่าชื่อนั้นๆ ถูกจดลิขสิทธิ์เอาไว้แล้วห้ามใช้ซ้ำนั่นเอง
การตั้งชื่อแบบเลขศาสตร์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ เป็นการนำวิธีการเข้ามาเผยแพร่จากต่างประเทศ โดยมีการกำหนดค่าของตัวเลขซึ่งอ้างอิงให้ตรงกับอักษร แล้วนำผลรวมที่ได้มาตีความ ในช่วงแรกของการเผยแพร่นั้นวิธีการนี้ มีการกำหนดค่าตัวเลขผลลัพธ์ที่ได้ ซึ่งเรียนแบบมาจากความสัมพันธ์ของดาวเคราะห์ ที่เป็นคู่มิตร เป็นกลาง หรือเป็นคู่ศัตรูกัน รวมทั้งท่านลักษณะของดาวเคราะห์ ซึ่งนับเป็นหลักการที่มีการคิดค้นเพิ่มเติมจากวิธีการเดิมที่มีมาแต่โบราณ แต่หากจะให้ดี และมีความแน่นอน ต้องนำผลที่ได้ไปตรวจสอบกับหลักการทางโหราศาสตร์ เพื่อที่จะพิสูจน์ทราบ ท่านภาพของตัวเลขที่ได้นั้นว่า จะดีจริงตามดวงชะตาหรือไม่ ซึ่งการใช้โหราศาสตร์เป็นหลักเปรียบเสมือน ว่าท่านต้องการเลือกเดินทางไปเส้นทางไหน จะเลือกเที่ยวบินอะไร ส่วนการใช้เลขศาสตร์เข้าประกอบ เปรียบเสมือนว่าก่อนขึ้นเครื่องบิน พนักงานต้องตรวจบัตรโดยสารว่าท่านได้ขึ้นเครื่องบินถูกต้องตามที่ต้องการหรือไม่ ซึ่งการมองด้วยโหราศาสตร์ จะทำให้ท่านสามารถเลือกเที่ยวบินที่เหมาะสม กับความต้องการที่จะเดินทางได้มากกว่า มองเห็นทางเลือกได้ชัดเจน ถูกต้องดีกว่า ซึ่งหลังจากวิธีการทางเลขศาสตร์ผ่านการใช้งานมาหลายปี ก็เริ่มเห็นข้อผิดพลาด โดยจะเห็นว่าในปัจจุบัน มีการเขียนตำราออกมาขาย ในลักษณะที่เป็นการตั้งชื่อที่มีการ ผสมผสานหลักการโบราณ กับหลักของเลขศาสตร์มาขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่า ในการตั้งชื่อที่ถูกต้องไม่สามารถทิ้งหลักการทางโหราศาสตร์ที่มีมาแต่โบราณได้ ทั้งนี้เพราะศาสตร์ในการทำนายทั้งหลายมีต้นกำเนิดมาจากโหราศาสตร์นั่นเอง แต่การที่ใครสังเกตอะไรได้ใหม่ๆ และนำไปสร้างเป็นทฤษฎีใหม่ๆ ขึ้นมา เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องย้อนกลับมาค้นคว้าจากจุดกำเนิดในที่นี้คือการดูดวงด้วยโหราศาสตร์ โดยทำนายจากตำแหน่งการโคจรดวงดาวบนท้องฟ้านั่นเอง
สำหรับค่าตัวเลขที่ใช้เทียบกับอักษร ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ มีดังนี้
เลข 1 ก ด ถ ท ภ า ำ ฤ ฤา สระอุ ไม้เอก
เลข 2 ข ช ง บ ป สระเอ สระอู สระแอ ไม้โท
เลข 3 ฆ ต ฑ ฒ ไม้จัตวา
เลข 4 ค ธ ญ ร ษ สระอะ สระอิ สระโอ ไม้หันอากาศ
เลข 5 ฉ ฌ ณ น ม ห ฎ ฮ ฬ สระอึ
เลข 6 จ ล ว อ สระใอ
เลข 7 ซ ศ ส ไม้ตรี สระอี สระอือ
เลข 8 ผ ฝ พ ฟ ย ไม้ไต่คู้ ( ็)
เลข 9 ฏ ฐ สระไอ การันต์

เลข 1 A I J Q Y
เลข 2 B K R
เลข 3 C G L S
เลข 4 D M T
เลข 5 E H N X
เลข 6 U V W
เลข 7 O Z
เลข 8 F P
ตัวอย่างชื่อวโรตม์ พันทะวงศ์ แทนค่าชื่อ 6+4+4+3+5+9 = 31 สกุล 8+4+5+1+4+6+2+7+9 = 46
เมื่อนำชื่อ และนามสกุลมารวมกันได้เท่ากับ 31+46 = 77
จากนั้นจึงนำเลข 7+7 มาบวกกันได้เท่ากับ 14
และยังสามารถเอาตัวเลข 1+4 มาบวกกันได้อีกเพื่อให้เหลือเพียงหลักเดียวได้เท่ากับ 5
ในการทำนายจะใช้ตัวเลข 31, 77, 15 และ 5 มาใช้อ่านคำทำนาย การคิดค้นลายเซ็น และการดำเนินชีวิต เช่น หากพอใจในการดำเนินชีวิตตามคำทำนายของเลข 77, 14 และ 5 ก็ให้ใช้ลายเซ็นที่มีทั้งชื่อและนามสกุลรวมกัน แต่ถ้าชอบการดำเนินชีวิตแบบคำทำนายของเลข 31 ก็เซ็นแต่ชื่อไม่ต้องใส่นามสกุล
สมมติใช้ลายเซ็นที่มีทั้งชื่อและนามสกุล ให้สังเกตความเป็นไปในสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากเอกสารที่ได้ลงนามไป หรือ การดำเนินงานทุกๆ วันที่ 14 หรือวันที่ 5 จะได้รับผลดีจริงหรือไม่ เป็นต้น หรือการที่อยู่ในบ้านเรือน ที่มีผลรวมของเลขเป็น 14 หรือ 5 จะมีผลอย่างไร การทำงานอยู่ในสถานที่เลข 14 หรือ 5 การทำงานอยู่ตึกชั้น 14 หรือ 5 ดังนี้เป็นต้น แต่ทั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องประกอบกับ ดวงชะตาว่าตามดวงชะตา นั้นดาวเคราะห์ที่แทนความหมาย 14 หรือ 5 นั้นอยู่ในสภาพอย่างไร ถ้าอยู่ในตำแหน่งที่ดี จึงจะให้ผลดีจริง แต่หากอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี ก็ไม่อาจที่จะรับผลดีดังตามที่คาดหวังไว้ จะเป็นได้ก็แต่เพียงความหวังเลือนลางคลาดเคลื่อนไป คลาดเคลื่อนมาเท่านั้น
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า การดูดวงที่แม่นยำจึงเปรียบเสมือนบันไดขั้นแรก ก่อนที่จะนำไปสู่เลขศาสตร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบันไดขั้นท้ายๆ เอาไว้ให้สังเกตผลของดวงชะตานั่นเอง

ที่มา:

วันอังคารที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

กลอนวันแม่แห่งชาติ

ไม่มีคนไหนที่รักลูกมากกว่าแม่
เป็นรักแท้แต่เริ่มลืมตาได้
สายโลหิตที่แม้สูญเสียไป
ก็เพื่อได้เห็นลูกเกิดขึ้นมา
ในยามนี้ลูกเหงาและเคว้งคว้าง
เดินตามทางที่แม่แสวงหา
อยากให้ลูกได้เป็นคนมีปัญญา
และก้าวหน้าไปทางวิชาชาญ
ลูกจะตั้งใจเรียนถึงที่สุด
แม้ใครฉุดลูกจะไม่เหลียวหลัง
ขอเพียงแม่ช่วยคอยเป็นกำลัง
คงถึงฝั่งนั้นได้ดังต้องการ
........................................................................................
ดอกมะลิ...ร้อยมาลัย...เตรียมให้แม่
จนใจแท้...แม่ไม่รู้...อยู่หนไหน
ขอฝากจิต...อธิษฐาน...ผ่านฟ้าไป
พร้อมมาลัย...จากใจฉัน...ถึงท่านเอย
........................................................................................
ทั้งชีวิต ที่ผ่านมา แม่ผู้ให้
แบบที่ใคร ไม่สามารถ มาเปรียบเทียบ
ทั้งส่งเรียน ทั้งส่งเงิน ทั้งเสบียง
ผ้าห่าเตียง ปูไว้ให้ รอกลับมา
แม่ทำงาน แสนเหนื่อยยาก ไม่เคยบ่น
กลับอดทน ทำทุกทาง หารายได้
ให้ลูกใช้ ให้ลูกจ่าย ตามสบาย
ลูกกลับควาย ไม่เคยนึก ถึงมารดา
ลูกติดเกม ลูกติดเพื่อน แม่ไม่บ่น
ลูกมีกิ๊ก ลูกมีแฟน แม่ไม่ว่า
ลูกกลับดึก ลูกกลับเช้า แม่ไม่ด่า
ลูกติดยา ลูกติดบอน แม่อภัย
วันแม่นี้ มีหนึ่งคำ อยากจะพูด
อยากจะจูบ อยากจะหอม อยากกอดแม่
แล้วก็บอก คำๆนี้ โดยไม่แคร์
ผมรักแม่ หนูรักแม่ ที่สุดเลย...
.................................................................



วันพฤหัสบดีที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

ราศีกรกฏ


สาวที่เกิดระหว่าง 15 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม
ตัวตน : คุณดูเป็นผู้หญิงมาก คุณรู้ดีว่าควรสวมบทบาทใดในความสัมพันธ์ และบนเตียงแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นฝ่ายจำยอม เพียงแต่คุณรู้จักการสวมบทบาทแบบหญิงสาวแท้ๆ จนชายหลงใหลต่างหาก คุณค่อนข้างมีรสนิยมแบบหัวโบราณ ลึกๆ แล้วคุณต้องการการเกี้ยวพาราศีที่เหมาะสม เช่น การมอบกุหลาบสีแดง การจุมพิตเบาๆ ที่แก้ม และการโทรศัพท์มาพูดคุยสานต่อความสัมพันธ์ ชายหนุ่มที่อยากพิชิตใจคุณต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะทลายกำแพงที่คุณสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเอง แต่ถ้าเมื่อใดคุณใจอ่อนแล้ว คุณก็จะพร้อมมอบทั้งกายและใจให้กับชายหนุ่มผู้โชคดีจนหมด คุณเป็นคนช่างเอาใจ ซื่อสัตย์ และมักจะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งตั้งแต่อายุน้อยๆ แม้คุณจะออกอาการอารมณ์เสีย และเจ้ากี้เจ้าการเวลาที่คุณเครียด หรืออ่อนไหวมากๆ แต่ถ้าคุณมีความรักที่แท้จริง คุณก็จะมีความสุข และก้าวสู่ประตูวิวาห์ในที่สุด
ชอบ : ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แข็งแรงผู้มีวิสัยทัศน์ และชาติตระกูล คุณมองหาคนที่สามารถปกป้องคุณได้ในโลกอันโหดร้ายใบนี้ และเป็นผู้นำที่ดีในเรื่องบนเตียง นอกจากนั้นคุณยังหวังให้ชายหนุ่มของคุณจดจำวันพิเศษๆ ต่างๆได้ และมีของกำนัลมาแสดงความรักตามโอกาสต่างๆ เสมอ คุณต้องการชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเพื่อที่คุณจะได้ภาคภูมิใจในตัวเขามากๆ
ยี้ : ชายหนุ่มที่เกลียดกลัว และไม่พร้อมที่จะผูกมัด คุณจะรู้สึกสับสนมากกับความสัมพันธ์ที่คลุมเคลือ และไม่เป็นระเบียบแบบแผน คุณจะไม่รีบมีความสัมพันธ์กับใครจนกว่าคุณจะแน่ใจในความรู้สึกที่เขามีต่อคุณ
หนุ่มที่เกิดระหว่าง 15 กรกฎาคม - 16 สิงหาคม
ตัวตน : คุณเป็นผู้ชายที่มีความเป็นผู้หญิงอยู่ในตัว คุณค่อนข้างขี้อาย และมักจะประทับใจมากเมื่อมีหญิงสาวเข้ามาจีบคุณก่อน และคุณก็จะดีใจหนักขึ้นถ้าหญิงสาวคนนั้นจะยอมเป็นผู้นำในความสัมพันธ์ครั้งนี้ คุณชอบเป็นผู้สนับสนุนผู้หญิงเก่งและแกร่ง (เหมือนแม่ของคุณ) เพราะคุณอยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ และได้ดูแลใครสักคน คุณพร้อมจะหอบผ้าผ่อนไปอยู่กับคนที่คุณถูกใจอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามอารมณ์ของคุณไม่ค่อยแน่นอน คุณจึงมักสงสัยความรู้สึกที่คุณมีต่ออีกฝ่ายเสมอ แม้ว่าคุณจะรักกันอย่างจริงจังอยู่แล้วก็ตาม คุณไม่พูดเรื่องความรู้สึกเหล่านี้ให้คนรักคุณฟังตรงๆ หรอก แต่คุณจะพูดให้เพื่อนๆ คุณฟังแทน ชอบ : ความสัมพันธ์ที่คุณสามารถเป็นได้ทั้งเพื่อนที่ดีและคนรัก คุณจะคิดถึงคนรักก่อนเสมอเวลาต้องวางแผนอะไรต่างๆ คุณคิดว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าความต้องการทางกาย
ยี้ : ด้วยความที่คุณเป็นคนมีความรู้สึกละเอียดอ่อน คุณจึงทนไม่ได้กับสาวที่ไม่เห็นความสำคัญของความรู้สึกเธอเอง นอกจากนั้นสาวมั่นรักอิสระก็ทำให้คุณรู้สึกเหงา และไม่เป็นที่ต้องการ คุณรู้สึกเจ็บปวดมากหากคนรักวิพากษ์วิจารณ์คุณ แม้คุณจะยอมรับคำวิจารณ์ก็ตาม
....................................................................................................................................................................
ความรัก ราศีกรกฎ
คนที่เกิดในราศีกรกฏ บ้านคือหัวใจสำคัญของเขา เป็นที่ที่ปลอดภัยและรู้สึกผ่อนคลายที่สุด เมื่ออยู่บ้านกับครอบครัว ธรรมชาติของชาวกรกฎอยู่บนฐานของดวงจันทร์ และมีสัญลักษณ์ประจำราศีคือ ปู ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีอารมณ์แปรปรวน ขึ้นๆลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ ม่ค่อยมีความมั่นใจ หากคุณเป็นคนสนิทกับเขาคุณจะต้องยอมอุทิศเวลาและอารมณ์เพื่อคอยเอาใจและดูแลเขามากหน่อย และต้องเป็นผู้นำให้กับเขาด้วย แต่เขาก็ไม่ใช่คนเรื่องมากอย่างที่คิด เขาโกรธง่ายหายเร็ว และสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ค่อนข้างดี ดังนั้นในการคบกับชาวราศีกรกฎจะเป็นบทพิสูจน์ที่ดี สำหรับความใจเย็น อดทนและความเป็นผู้นำของคุณเลยทีเดียว
ความโรแมนติกแบบราศีกรกฎ
ชาวกรกฎเป็นคนอ่อนหวาน มีเสน่ห์เย้ายวนใจ ขี้อ้อน จนยากที่ใครจะสามารถทนกับความหวานและน่ารักของเขาได้ ชาวกรกฎเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน ในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อเขาจะจัดโต๊ะอาหารอย่างสวยงามเพื่อสร้างบรรยากาศ เป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน หาอะไรทำไปเรื่อยๆในยามว่าง โดยทั่วไปชาวกรกฎจะเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกอยู่แล้ว ทั้งการกระทำและอารมณ์ความรู้สึก แต่ของอย่างนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้าคู่รักไม่ตอบสนองหรือสร้างบรรยากาศให้ไปกันได้ ชาวกรกฎก็อาจจะหมดอารมณ์ จนท้ายที่สุดก็จะงอนคุณไปเลย
ความรักของราศีกรกฎ
ชาวกรกฎเป็นผู้ซึ่งมีความเข้าใจและรู้ใจคนที่คบหาได้เป็นอย่างดี ยกเว้นอย่างเดียวคือมักจะจำชื่อคนไม่ค่อยได้ นอกนั้นก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ควรจะคบค้าสมาคมด้วยอย่างมากเลยทีเดียว เขาเป็นคนมีน้ำใจและจริงใจ ชาวกรกฎเป็นคนที่มีเสน่ห์ เป็นที่อยากรู้จักของคนทั่วไปแต่สำหรับคู่รัก คงจะต้องทำใจกับความเจ้าเสน่ห์อันนี้ของเขาด้วย ถ้าคุณคือคนที่คบอยู่กับชาวกรกฎ ไม่ว่าจะในฐานะแฟนหรือเพื่อนสนิทคุณควรจะจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่สำคัญเกี่ยวกับเขาให้ได้ ไม่ว่าจะวันเกิด วันสำคัญ อื่นๆในตัวเขา เพลงที่เขาชอบ อาหารที่ชอบ อะไรทั้งหลายเหล่านี้ถ้าคุณจำได้และหาโอกาสทำอะไรเล็กๆน้อยๆ เพื่อเขาบ้างเขาจะปลื้มใจในตัวคุณมาก
ความสัมพันธ์แบบชาวราศีกรกฎ
ความรักของชาวกรกฎ เป็นในแบบรักน้อยๆ แต่รักนานๆ ความรักของเขาจะไม่ค่อยรีบร้อน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะรีบไปทำไม เขาจะทะนุถนอมดูแลความรักของเขาอย่างดี และอุทิศเวลาและทุกอย่างเพื่อให้ความรักของเขาราบรื่นแต่ก็มีบ้างบางครั้งที่จะทำอะไรตามอารมณ์มากเกินไป ดังนั้นคุณควรให้อภัยเขา เพราะชาวกรกฎจริงจังและจริงใจกับความรักมาก นอกจากนั้นชาวกรกฎยังถือได้ว่าเป็นคนที่เหมาะสำหรับเป็นคู่รักที่สุดสำหรับคนที่แสวงหาคนรักในแบบนี้ ต้องการคนคอยดูแลเอาใจใส่ จริงใจและอบอุ่น นั่นล่ะเขา …ชาวกรกฎ
SEX กับราศีกรกฎ
สำหรับชาวกรกฎเรื่องSexเปรียบเสมือน กิจกรรมในยามพักผ่อนของเขา เขาเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดีในเรื่องนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความพอใจในแต่ละครั้ง นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ยอมรับอารมณ์ของคู่รักได้เสมอ ในยามที่มีอารมณ์ ความต้องการที่ไม่ตรงกัน ชาวราศีกรกฎถือเป็นคู่รักที่ดีและไม่เคยบกพร่องในเรื่องนี้แต่อย่างใด แล้วอะไรหล่ะที่ชาวราศีกรกฎต้องการ ชาวกรกฎต้องการคนที่ใจเย็น สบายๆ ทำอะไรไม่รีบร้อน และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ซึ่งจะทำให้คบกันได้นานเขาต้องการคนที่สามารถแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความคิดเห็นได้ เพราะเขาคิดว่าความเข้าใจและความสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญที่สุดในการคบหากัน

ที่มา
http://horoscope.sanook.com/12rasi/12rasi_01724.php,http://astro.meemodel.com/7.php,http://images.google.co.th/images?gbv=2&hl=th&safe=active&q=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%8F&sa=N&start=160&ndsp=20

วันพุธที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

Butterfly of Thailand

glitter graphics,hi5,code hi5


ผีเสื้อกลางคืน

วงศ์ผีเสื้อเหยี่ยว (Hawk Moths) Family Sphingidae ขนาด: กลาง - ใหญ่ ลักษณะนิสัย: จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >1,000 ประเทศไทย: - 2T4U.com: 0

วงศ์ผีเสื้อจักรพรรดิ์ หรือ ผีเสื้อยักษ์ (Emperor Moths) Family Saturniidae ขนาด: ใหญ่มาก - ใหญ่ที่สุดในโลก ลักษณะนิสัย: จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >1,000 ประเทศไทย: - 2T4U.com: 0

วงศ์ผีเสื้อนกเค้า หรือ ผีเสื้อหนอนกระทู้ (Owl Moths) Family Noctuidae ขนาด: เล็ก - ใหญ่มาก ลักษณะนิสัย: จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >25,000 ประเทศไทย: - 2T4U.com: 0

วงศ์ผีเสื้อหนอนคืบ Family Geometridae ขนาด: กลาง - ใหญ่ ลักษณะนิสัย: จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >15,000 ประเทศไทย: - 2T4U.com: 0



ผีเสื้อกลางวัน




วงศ์ผีเสื้อบินเร็ว (Skippers) Family Hesperiidae ขนาด: เล็ก - กลาง ลักษณะนิสัย: มีหลายวงศ์ย่อยนิสัยแตกต่างกัน ผีเสื้อในวงศ์นี้มีส่วนคล้ายคลึงกับผีเสื้อกลางคืนมาก ปีกเป็นรูปสามเหลี่ยม เล็กและสั้น บินเร็วมาก มักมองตามไม่ค่อยทัน หัวโต ตากลม และมีขนปกคลุมค่อนข้างมาก ขาทั้ง 3 คู่ แข็งแรงสมบูรณ์ ใช้งานได้ดี หนวด: รูปก้านไม้ขีด ยาว ปลายหนวดมักโค้งงุ้มลงเล็กน้อย ลำตัว: อวบสั้น
จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >3,658 ประเทศไทย: >273 2T4U.com: 3


วงศ์ผีเสื้อสีน้ำเงิน Family Lycaenidae ขนาด: เล็กมาก - กลาง ลักษณะนิสัย: ขณะลงเกาะมักจะหุบปีกตั้งตรง นิ่ง และมักจะยกด้านท้ายให้สูงกว่า ผีเสื้อในวงศ์นี้มีขนาดเล็ก ปีกบนมีสีออกโทน น้ำเงิน ฟ้า เขียว หรือ ทองแดง หลายชนิดที่ปลายปีกคู่หลังจะจุดสีดำ และหางยื่นออกมาคล้ายหนวด เพื่อลวง ศัตรู ให้คิดว่าเป็นส่วนหัว เพศเมียขาทั้ง 3 คู่ สมบูรณ์ ส่วนเพศผู้ขาคู่หน้า มีขนาดเล็กกว่าปกติ หนวด รูปก้านไม้ขีด ยาว และชี้ตรงตลอด ลำตัว ยาวสมส่วน จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >6,564 ประเทศไทย: >369 2T4U.com: 7



วงศ์ผีเสื้อขาหน้าพู่ Family Nymphalidae ขนาด: เล็ก - ใหญ่ ลักษณะนิสัย: เนื่องจากมีหลายวงศ์ย่อย และแต่ละวงศ์ย่อยก็มีนิสัยเฉพาะ ผีเสื้อในวงศ์นี้มีหลายวงศ์ย่อย และค่อนข้างหลากหลายมาก ทั้งสีสัน และรูปทรง ของปีก แต่จุดสังเกตุหลักคือผีเสื้อวงศ์นี้จะมีขาที่สมบูรณ์เพียง 2 คู่เท่านั้น โดยขาคู่หน้าจะหดสั้นลงเหลือเพียงก้านเล็กๆ และมีขนปกคลุมอยู่ เป็นที่มาของชื่อวงศ์ หนวด รูปก้านไม้ขีด ยาว ตรง บางวงศ์ย่อยปลายหนวดจะงุ้มลง ลำตัว ยาวสมส่วน จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >7,461 ประเทศไทย: >367 2T4U.com: 25

วงศ์ผีเสื้อหางติ่ง Family Papiliondae ขนาด: กลาง - ใหญ่ ลักษณะนิสัย: ส่วนใหญ่พบอยู่โดดๆ ไม่ค่อยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ บินได้นานและเร็ว ขณะลงเกาะมักจะขยับปีกอยู่ตลอดเวลา พบเห็นได้ง่ายเนื่องจากมีขนาดใหญ่ ผีเสื้อในวงศ์นี้มักมีขนาดใหญ่ และมีหางยื่นออกมาจากปีกคู่หลัง อันเป็นที่มาของ ชื่อวงศ์ โดยที่หางก็จะมีรูปร่างต่างกันออกไป ขาทั้ง 3 คู่ เรียวยาวสมบูรณ์ใช้งานได้ ตามปกติ ปีกใหญ่ หนวด:รูปก้านไม้ขีด ยาว และมักจะงอนชี้ขึ้นด้านบน ลำตัว:เพรียวยาว จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >572 ประเทศไทย: >64 2T4U.com: 2

วงศ์ผีเสื้อหนอนกระหล่ำ Family Pieridae ขนาด: กลาง - ใหญ่ ลักษณะนิสัย: มักรวมกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ โดยรวมกลุ่มกันลงกินอาหารตามพื้นดิน แฉะๆ หลายชนิดชอบบินอพยพย้ายถิ่นหากินเป็นกลุ่มๆ ชอบบินเนิบๆ ไม่รีบร้อน ผีเสื้อในวงศ์นี้มักมีโทนสีพื้น ขาว เหลือง ครีม ส้ม เป็นหลัก ปีกคู่หลังโค้งมน ไม่มีรอยเว้าหยัก หรือมีติ่งยื่นออกไปเป็นพิเศษ ขาทั้ง 3 คู่ แข็งแรงสมบูรณ์ ใช้งานได้ดี หนวด: รูปก้านไม้ขีด ยาว และชี้ตรงตลอด ลำตัว: ยาวสมส่วน จำนวนชนิด: ทั่วโลก: >1,222 ประเทศไทย: >58 2T4U.com: 4


จตุวัฏจักร
การเจริญเติบโตของผีเสื้อแตกต่างจากบรรดาแมลงชนิดอื่นทั้งหลาย โดยปรากฏเป็นจตุวัฏจักร ดังนี้ คือ
ระยะไข่ (Egg Stage)
ระยะหนอนหรือบุ้ง (Caterpillar Stage หรือ Larva Stage)
ระยะดักแด้ (Pupa Stage หรือ Chrysalis Stage)
ระยะเจริญวัย (Adult Butterfly Stage หรือ Imago Stage)
อนึ่ง มีความเชื่ออย่างแพร่หลายว่าผีเสื้อมีวงจรชีวิตสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ผีเสื้อบางพันธุ์อาจมีอายุเพียงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่บางพันธุ์มีอายุยืนถึงหนึ่งปี โดยส่วนใหญ่จะมีอายุยาวนานในระยะบุ้ง ในขณะที่แมลงชนิดอื่นอาจหยุดการเจริญเติบโตได้ในระยะไข่หรือระยะดักแด้แล้วจึงดำเนินชีวิตต่อไปในฤดูหนาว

ระยะไข่
ไข่ของผีเสื้อมีลักษณะของขนาด รูปร่าง สีสัน และลวดลายแตกต่างกันไป โดยขนาดของไข่นั้นจะเล็กมาก ดังนั้นจำเป็นต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาไข่ของผีเสื้อ เปลือกไข่ประกอบด้วยสารไคติน ที่เป็นสารชนิดเดียวกับเปลือกลำตัวของผีเสื้อและแมลงชนิดอื่นๆ และเมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์จะพบรูเปิดเล็กๆ เรียกว่า ไมโครพายล์ (micropyle) เป็นรูที่ทำให้น้ำเชื้อตัวผู้เข้าไปผสมกับไข่ของตัวเมียได้

ระยะหนอน
ระยะที่คนเราเรียกว่า หนอน มีหลากหลายสี หลังจากตัวหนอนฟักออกจากไข่แล้ว ตัวหนอนมีลักษณะที่แตกต่างกัน อาหารอย่างแรกที่ตัวหนอนกินคือ เปลือกไข่ของตัวเอง หลังจากนั้นตัวหนอนจึงเริ่มกินใบพืช โดยเริ่มที่ใบอ่อนก่อน ซึ่งลักษณะการกินของตัวหนอนจะเริ่มจากขอบใบเข้าหากลางใบ และจะมีการลอกคราบเพื่อขยายขนาด 4-5 ครั้ง โดยตลอดระยะเวลาที่เป็นตัวหนอนนี้ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นอกจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้ว บางชนิดสีสันและรูปร่างก็แตกต่างกันไปด้วย เช่น หนอนผีเสื้อหางติ่ง หนอนมะนาว ในระยะแรกๆ สีสันก็เหมือนมูลนก แต่เมื่อตัวหนอนโตขึ้นสีสันจะเปลี่ยนไป เป็นสีเขียวมีลวดลายคล้ายตาที่ส่วนอกด้วย เป็นต้น แต่ทั้งหมดมีสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้สามารถจำแนกว่าเป็นตัวหนอนผีเสื้อได้คือ ตัวหนอนมีขาจริง 3 คู่ที่ส่วนอก และขาเทียม 4-5 คู่ที่ส่วนท้อง ตัวหนอนทั่วไปมักหากินเดี่ยวๆ แต่ก็มีบางชนิดทีระยะแรกๆ หากินกันเป็นกลุ่ม ในระยะนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 15 วัน

ระยะดักแด้
เมื่อตัวหนอนโตเต็มที่จะต้องมองหาสิ่งที่ที่จะลอกคราบเพื่อเข้าดักแด้ ซึ่งจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แต่ภายในเปลือกดักแด้ การพัฒนาต่างๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นระยะที่มีการสะสมอาหารไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นที่ดึงดูดบรรดาตัวเบียนต่างๆ ตัวหนอนของผีเสื้อแต่ละชนิดจะเลือกที่เข้าดักแด้ต่างกันไป ระยะดักแด้ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน

ระยะเจริญวัย
ระยะเจริญวัยคือผีเสื้อที่มีสีสันสวยงาม เริ่มต้นนับตั้งแต่ออกจากดักแด้ โดยผีเสื้อใช่ขาดันเปลือกดักแด้ให้ปริแตกออก และผีเสื้อที่มีปีกยับยู่ยี่จะออกมา ในลักษณะห้อยหัวลงพร้อมถ่ายของเสียที่เป็นสีชมพูออกมา ในระยะแรกปีกของผีเสื้อยังไม่สามารถแผ่ได้ จำเป็นต้องมีการปั้มของเหลวเรียกว่า ฮีโมลิมพ์ เข้าไปในเส้นปีก และต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการทำให้ปีกแข็งพอที่จะใช้ในการบิน ผีเสื้อสามารถอยู่ได้ 2-3 วัน บางชนิดอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับชนิดและแต่ละช่วงอายุขัย

ธรรมชาติของผีเสื้อ
ผีเสื้อเป็นสัตว์ปีกที่ชอบแสงอาทิตย์และอากาศที่เย็นสบาย เรามักเห็นมันบินวนเวียนตามดอกไม้อยากสนุกสนาน อย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนหรือเหน็ดเหนื่อย การที่มันบินคละเคล้าเกสรดอกไม้อยู่เช่นนี้เพราะมันต้องการน้ำหวานจากดอกเกสรเป็นอาหารและช่วยดอกไม้ในการผสมพันธุ์ไปในตัว
ในการสืบพันธุ์ของผีเสื้อนั้น นักชีววิทยาได้พบว่าผีเสื้อตัวผู้มักจะสนใจผีเสื้อตัวเมียที่มีปีกสีเดียวกันและเมื่อผสมพันธุ์กันแล้วในเวลาอีกไม่นานมันก็จะวางไข่ตามใบพืชที่เหมาะสมเพื่อจะได้เป็นเสบียงให้ตัวหนอนของมัน โดยมันจะวางไข่ใต้ใบไม้เป็นกลุ่มๆ ไข่ผีเสื้อตามปกติจะมีสารเหนียวสำหรับยึดติดใบไม้ไข่มีสีและขนาดแตกต่างตามวงศ์ของผีเสื้อ หลังจากวางไข่ได้ 2-3 วัน หนอนในไข่ผีเสื้อจะปรากฏตัวและอีก 5-10 วันต่อมาหนอนก็จะใช้ปากเจาะเปลือกไข่ให้แตกแล้วกินเปลือกไข่ตนเองเป็นอาหารเมนูแรก จากนั้นมันก็จะกินผีเสื้อจำนวนมา หนอนก็จะสร้างความเสียหายให้แก่พืชมาก เมื่อหนอนเติบโตเต็มที่มันจะขับใยเหนียวๆ ออกมาห่อหุ้มตัว กระบวนการปกป้องตัวเองเช่นนี้จะใช้เวลานานประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นหนอนก็จะกลายเป็นดักแด้ที่ไม่ต้องการอาหารอะไรหรือทำอะไรเลย มันจะมุดตัวอยู่แต่ในเกราะและจะใช้เวลา 7-10 วันในการเปลี่ยนรูปร่างจนกลายเป็นผีเสื้อ และเมื่อผีเสื้อโผล่จากตัวดักแด้ใหม่ๆ มันยังบินไม่ได้เพราะปีกของมันยังไม่แข็งแรง แต่เมื่อปีกแห้งมันก็บินได้และผสมพันธุ์ได้ทันที




ที่มา: http://oho.ipst.ac.th/Bookroom/snet4/july8/butrfy.htm,





วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒

ประโยชน์ผลไม้ฤดูร้อน

glitter graphics,hi5,code hi5

ทุเรียน” กินอย่างไรไม่อ้วน

คงสงสัยกันสิค่ะว่า กินกันอย่างไรล่ะที่ไม่ให้อ้วน ตำราไทยบอกไว้ให้กินเป็นยาถ่ายพยาธิปฏิบัติไม่ยากเลยค่ะ ง่ายๆ เพียงแค่ตื่นนอนตอนเช้าๆ ยามรุ่งอรุณ ก็ราวๆ ประมาณ 05.00 น. หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อย เริ่มกินทุเรียนได้ทันที กินพอประมาณ อาจสักครึ่งลูกย่อมๆ หรืออาจมาก-น้อยกว่านั้น ตามน้ำหนัก หรือความอ้วน ความผอม คือ อ้วนก็มากหน่อย ผอมก็น้อยลง ไม่ใช่กินเพื่ออิ่ม แต่กินเป็นยา แล้วดื่มน้ำอุ่นตามไปมากๆ ควรกินสองวันติดต่อกันและงดอาหารในทั้งสองเช้านั้น ความร้อนในสารกำมะถันธรรมชาติ และกากใย จากพูทุเรียน จะออกฤทธิ์ชำระล้างขยะในลำไส้ออกได้อย่างเกลี้ยงเกลา รวมทั้งเป็นยาถ่ายพยาธิต่างๆ อีกทั้งยังเป็นยาถ่ายในผู้ป่วยน้ำเหลืองเสีย ซึ่งมักเกิดแผลจากแมลงกัดอยู่เสมอ


เผยช่วยชำระล้างขยะในลำไส้ แถมเป็นยาถ่ายพยาธิชั้นยอด

ทุเรียนให้ประโยชน์คณานับที่แพทย์แผนไทย มีอาทิ

เนื้อสีเหลือง - รสหวานร้อน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนอง แห้ง เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิ
เปลือกหนาม - รสเฝื่อน สับแช่ในน้ำปูนใสใช้ชะล้างแผลที่เกิดจากน้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง เผาทำถ่าน บดจนเป็นผง คลุกในน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา ลดความบวมพองจากคางทูม และเผาเอาควันไล่ยุงและแมลง
ใบทุเรียน - รสเย็นและเฝื่อน ใช้ต้มน้ำอาบแก้ไข้ แก้ดีซ่านและเป็นส่วนผสมในยาขับพยาธิ
รากจากต้น - ตัดเป็นข้อๆ ต้มให้เดือด ดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วง



นอกจากทุเรียนจะให้คุณอเนกอนันต์ตามสรรพคุณยาที่กล่าวมายังเป็นไม้ที่มีความเชื่อตามวัฒนธรรมประเพณีไทย ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยากระทั่งจนถึงปัจจุบัน คือ เป็นไม้มงคล ซึ่งตามตำราปลูกต้นไม้ตามอักษรนาม ประจำทิศว่าไว้.. “ทิศที่ควรปลูกต้นไม้มงคล ทิศบูรพา ให้ปลูกไผ่ กุ่ม และมะพร้าว ทิศอาคเนย์ ให้ปลูกต้นยอและสารภี ทิศทักษิณ ให้ปลูกมะม่วง กับ มะพลับ ทิศหรดี ให้ปลูกชัยพฤกษ์ สะเดา ขนุน และพิกุล ทิศประจิม ปลูกต้นมะขาม จะช่วยป้องกันความถ่อย ถ้อยความและผีร้ายมิให้มากล้ำกรายอีกทั้งต้นมะขามเป็นต้นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนาม ถือเป็นเคล็ดว่าจะทำให้มีแต่คนเกรงขาม ยำเกรง”

วันอังคารที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

VIOLIN ไวโอลิน




ประวัติ

ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดไวโอลินได้ปรากฏขึ้นเมื่อช่วงเวลาใด แต่คาดว่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลีช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งเชื่อกันว่าผู้ผลิตนั้นดัดแปลงมาจากเครื่องดนตรียุคกลาง 3 ชนิด อันได้แก่ เรเบค (rebec) ซอเรอเนซองซ์ (the Renaissance fiddle) และ ลีรา ดา บรากโก (lira da braccio) ซึ่งเครื่องดนตรีทั้ง 3 ชนิดนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับไวโอลิน แต่หลักฐานที่แน่นอนที่สุดก็คือ มีหนังสือที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับไวโอลินในปี พ.ศ. 2099 (ค.ศ. 1556) แล้ว โดยได้ตีพิมพ์ที่เมืองลีออน ประเทศฝรั่งเศส และคาดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ไวโอลินน่าจะเผยแพร่ไปทั่วทวีปยุโรปแล้ว

ไวโอลินที่ถือว่าเป็นคันแรกของโลกถูกสร้างขึ้นโดย อันเดร์ อมาตี(Andrea Amati) ในช่วงครึ่งศตวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยการว่าจ้างของครอบครัวเมดิซี ซึ่งต้องการเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ต่อมาด้วยคุณภาพที่ดีของเครื่องดนตรี พระเจ้าชาลส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ อันเดร์ ประดิษฐ์ไวโอลินขึ้นมาอีก เพื่อมาเป็นเครื่องดนตรีบรรเลงประเภทใหม่ของวงออร์เคสตราประจำของพระองค์ และไวโอลินที่เก่าแก่สุดและยังให้เห็นอยู่ คือไวโอลินที่ อันเดร์ ประดิษฐ์ขึ้นในเมืองเครโมนา(Cremona) ประเทศอิตาลี ซึ่งได้ถวายแด่ พระเจ้าชาลส์ที่ 4 เช่นกันตรงกับปี พ.ศ. 2109 (ค.ศ. 1566)
แต่ไวโอลินที่น่าจะเก่าแก่และโด่งดังที่สุดน่าจะเป็นไวโอลินที่มีชื่อว่า เลอ เมสซี่(Le Messie) หรือ Salabue ประดิษฐ์โดย อันโตนิโอ สตราดีวารี เมื่อปี
พ.ศ. 2259 (ค.ศ. 1716) ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ Ashmolean Museum แห่ง อ๊อกซฟอร์ด


โครงสร้างไวโอลิน

โครงสร้างของไวโอลิน เรียงจากบนไปล่าง
1.หัวไวโอลิน(Scroll)
2.โพรงลูกบิด(Pegbox)
3.คอ(Neck)
4.สะพานวางนิ้ว หรือ ฟิงเกอร์บอร์ด (Fingerboard)
5.(Upper Bout)
6.เอว(Waist)
7.ช่องเสียง(F-holes)
8.
หย่อง(Bridge)
9.(Lower Bout)
10.ตัวปรับเสียง(Fine Tuners)
11.หางปลา(Tailpiece)
12.ที่รองคาง(Chinrest)



ขนาดมาตรฐานของไวโอลินคือ ยาว 23.5 นิ้ว และ คันชักยาว 29 นิ้ว

คันชัก (Bow)
ควรจะจับคันชักบริเวณ Frog ในขณะดึงหางม้า(Hair)ให้ตึง เพราะจะช่วยลดแรงกดที่เกลียวสกรูทองเหลือง (Screw) ที่อยู่ข้างในโคนด้ามคันชัก และช่วยป้องกันไม่ให้เกลียวหวานได้
ในขณะที่คุณเล่นไวโอลินนั้น หางม้าที่อยู่ด้านข้างคันชักที่คุณลากลงมักจะขาดก่อนเพื่อน ทำให้ความสมดุลของแรงดึงบนคันชักเสียไปจนอาจทำให้คันชักงอได้ ดังนั้นพยายามเปลี่ยนหางม้าบ่อยๆ และพยายามรักษาหนังหุ้มด้ามคันชัก (Pad หรือ Grip) ให้อยู่ในสภาพดี ถ้านิ้วโป้งของคุณไปเสียดสีกับด้ามคันชักบ่อยๆ จะทำให้คันชักได้รับความเสียหายเช่นกัน พยายามตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ และควรให้ความเอาใจใส่ปลายคันชัก (Tip) เป็นพิเศษ

การทำความสะอาด (Cleaning)
การเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องและคันชักด้วยผ้านุ่มๆ สะอาดๆ หลังการเล่นทุกครั้งเป็นสิ่งที่ควรทำให้เป็นกิจวัตร ใช้เศษผ้าชุบแอลกอฮอล์เพื่อขจัดการเกาะตัวของยางสนบนฟิงเกอร์บอร์ด และสาย
สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือระวังไม่ให้แอลกอฮอล์สัมผัสกับผิวของวานิช และควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คสภาพไวโอลินเป็นประจำทุกๆ ปี ช่างอาจจะปล่อยรอยคราบบางอย่างเอาไว้ และใช้น้ำยาเคลือบผิวทับลงไปบนคราบสกปรกโดยไม่จำเป็นต้องเอาออกก็ได้ กรดจากผิวหนังของคุณสามารถทำลายผิวของวานิชได้อย่างช้าๆ ดังนั้นพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวของวานิช

การดูแลรักษาไวโอลิน

ไม้กับความชื้น (Wood and Water)
ไม้ไม่สามารถรักษาสภาพของตัวเองได้ดีนักเมื่อถูกความชื้น แม้ว่าไม้จะคงรูปได้ดีขึ้นหลังจากที่ผ่านกระบวนการอบเป็นอย่างดีก็ตาม แต่ไม้ยังคงพองหรือบวมเมื่อถูกความชื้น และหดตัวเมื่ออากาศแห้ง ไม้ที่ใช้ทำชิ้นส่วนบางอย่างของไวโอลินจะคงรูปดีกว่าไม้ที่ใช้ทำเครื่องดนตรีอื่นๆ นอกจากนั้น ไม้ทุกชนิดจะหดตัวในแนวขวางของลายไม้มากกว่าการหดตัวตามยาว
ในช่วงเดือนที่มีความชื้นสูงๆ ไม้แผ่นหน้ามักจะเกิดการขยายตัวมากกว่าอาการคอไวโอลินตก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สายไวโอลินเหนือสะพานวางนิ้วลอยสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของความชื้นในอากาศอาจเป็นสาเหตุให้การเล่นและการตอบสนองของเสียงเกิดการแกว่งตัว และอาจทำให้เกิดปัญหาที่หนักกว่านั้นคือ ไม้เกิดการปริแตกเมื่อสูญเสียความชื้นอย่างรวดเร็วกว่าที่มันดูดซึมเอาไว้ได้

การบิดตัวของไม้ (Distortion) ธรรมชาติของไม้มีความยืดหยุ่นในตัวเอง อาจจะค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างไปตามแรงที่มากระทำ ช่างทำไวโอลินอาศัยข้อดีอันนี้ในการขึ้นรูปแผ่นไม้ด้านข้าง(Rib) หรือการดัดไม้แต่หย่องที่งอ ไม้แผ่นหลังที่ยุบ และคอไวโอลินที่ตก เป็นผลมาจากแรงกดอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม้เริ่มบิดตัว มันจะสูญเสียความแข็งแรงจากรูปทรงเดิมอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้เกิดความเสียหายหนักตามมา

อุณหภูมิ (Temperature) การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม้เกิดการขยายตัวและหดตัวเช่นเดียวกับวัตถุอื่นๆ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของอุณหภูมิและ ความชื้นในไม้ ควรจะใช้กล่องไวโอลินแบบสูญญากาศอย่างดี และอย่าวางไว้ไกล้รังสีความร้อนหรือวางถูกแสงแดดโดยตรง กล่องไวโอลินเกือบทุกชนิดที่บุด้วยวัสดุผิวด้านสีเข้มจะมีผลต่อการดูดซับแสงให้แปรเปลี่ยนเป็นความร้อนได้มากกว่า

การเดินทาง (Travel) ขนส่ง (Shipping) การถือ (Carrying an instrument)

ถ้าเดินทางโดยรถยนต์ อย่าวางเครื่องดนตรีไว้ในกระโปรงท้ายรถ เพราะเครื่องดนตรีจะได้รับความร้อนมาก ทำให้ได้รับความเสียหาย
เมื่อต้องส่งเครื่องดนตรีไปทาง
พัสดุภัณฑ์ ให้คลายสายออกเล็กน้อยและใช้วัสดุนุ่มๆ บุที่หย่องทั้ง 2 ด้านเสียก่อน ควรเก็บเครื่องดนตรีไว้ในกล่องของมันเองเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นให้ห่อในกล่องสำหรับส่งของ บุรอบๆ กล่องด้วยวัสดุสำหรับห่อกล่อง
ถ้าหกล้มในขณะถือเครื่องดนตรี โดยสัญชาติญาณของคนส่วนใหญ่จะกอดกล่องไวโอลินไว้ข้างหน้า เพราะคิดว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องดนตรีแตกหักได้ แต่น่าเสียดายว่ากลับทำให้เครื่องดนตรีพังมา ควรใช้กล่องที่แข็งแรงซึ่งจะยึดไวโอลินให้ลอยอยู่ในกล่องเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการล้มคว่ำหงาย และพยายามหัดถือกล่องด้วยมือที่ไม่ถนัดให้เคยชิน เช่น ถือด้วยมือซ้ายถ้าคุณเป็นคนถนัดขวา ซึ่งจะทำให้เหลือมือข้างที่ถนัดไว้ป้องกันตนเองได้



ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99