วันอาทิตย์ที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๒

@ สัญลักษณ์นี้มีที่มา?


@ สัญลักษณ์นี้มีที่มา?

เรย์ ทอมลินสัน วิศวกรคอมพิวเตอร์ ได้รับการบันทึกว่า เป็นบุคคลแรกที่นำ @ มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของ
ชื่ออีเมล ในปี 1971 เพียงเพราะเขาต้องการหาสัญลักษณ์บางอย่างบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่ใจว่าจะไม่มีปรากฏในชื่อของใครคนใดคนหนึ่ง โดยหลังจากนั้นมา การใช้ @ (arroba) ในชื่ออีเมลเพื่อบอกสังกัดอีเมลของผู้ใช้ก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ ทว่า หากจะถามถึงที่มาของ @ ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอีเมลนั้น ไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัดว่า ใครเป็นคนแรกที่นำมาใช้ เนื่องจาก มีหลากหลายทฤษฎีอธิบายเอาไว้แตกต่างกันออกไป ทฤษฎีแรกนั้นสันนิษฐานว่า @ ปรากฏให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกในยุคกลางของยุโรป ซึ่งในสมัยนั้นคนยุโรปจะชอบเขียนตัวหนังสือแบบลากหางของตัวอักษรขึ้นหรือลงยาวๆ ซึ่งตัว @ มาจาก a นั่นเอง ขณะที่ อีกทฤษฎีหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไประบุว่า @ มาจากคำว่า 'ad' ซึ่งเป็นคำบุพบทในภาษาลาติน หมายถึง "ที่" ในทำนองเดียวกัน ก็มีอีกแนวคิดที่คล้ายๆ กันอธิบายว่า @ เป็นตัวย่อของ 'ana' (ava) คำบุพบทในภาษากรีก ซึ่งมีหมายความว่า ในอัตรา...(ตามด้วยคำบอกจำนวน) โดยมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในเชิงการพาณิชย์ ทว่าจากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ของ จิออร์จิโอ สตาบิล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากโรม มีการเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับที่มาของ @ โดยเขาอ้างว่า สัญลักษณ์ดังกล่าว เคยมีร่องรอยปรากฏให้เห็นตั้งแต่สมัยเรอเนสซองซ์ของอิตาลี ในเอกสารการค้าแห่งเวนิส ซึ่งลงนามโดย ฟรานเซสโก ลาปี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 1536 เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายไวน์ โดย @ ที่ปรากฏในเอกสารนี้มีความหมายว่า โถ หรือ เหยือก ซึ่งใช้เป็นภาชนะบรรจุไวน์ในสมัยนั้น อาทิเช่น @ of wine หมายถึง ไวน์ 1 เหยือก เป็นต้น สัญลักษณ์ @ ที่พบว่ามีการใช้อย่างแพร่หลายในตะวันตก มีที่มาจาก à ซึ่งเป็นบุพบทในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง "ที่" ทว่าเมื่อนำมาใช้ในเชิงการค้าจะหมายถึง "ราคาชิ้นละ..." ตัวอย่างเช่น 2 books@ 10 F. หมายถึง หนังสือ2 เล่ม ราคาเล่มละ 10 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีหลากหลายทฤษฎีที่อธิบายที่มาที่ไปของการใช้ @ มาตั้งแต่อดีตแล้ว แต่การใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวเพิ่งจะได้รับความนิยมสุดๆ ในแวดวงคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบันนี่เอง