วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

10 ข้อปฏิบัติง่ายๆ เพื่อให้ธุรกิจห่างไกลจากไวรัส


คอมฯ ของคุณปลอดภัยจากไวรัสหรือไม่? ปัจจุบัน ซอฟต์แวร์ที่ใช้ป้องกันไวรัสสำหรับธุรกิจมีการพัฒนาสูงขึ้น เช่นเดียวกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์ก็ได้มีการพัฒนาตัวเองเพื่อหลบหลีกระบบการตรวจสอบของซอฟต์แวร์ป้องกันนั้นๆเช่นกันดังนั้น ขั้นตอนง่ายๆที่จะแนะนำต่อไปนี้จะสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความปลอดภัยจากไวรัสมากขึ้น การป้องกันไวรัสแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ
1.ให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และ
2.สร้างการปกป้องที่แข็งแรงให้กับเครือข่ายของคุณ ซึ่งไมโครซอฟท์ขอให้ลองพิจารณาข้อควรปฏิบัติข้างล่างนี้ เพื่อตรวจสอบว่า องค์กรของคุณพร้อมสำหรับการป้องกันไวรัสแล้วหรือยัง
1. ให้ความรู้กับพนักงานสิ่งนี้เป็นกุญแจสำคัญ คุณควรวางแผนการให้ความรู้แก่พนักงานและผู้จัดการ พร้อมกับปรับปรุงนโยบายขององค์กรด้วย
2. ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสควรทำการอัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เช่น McAfee VirusScan และ Norton Antivirus ให้กับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจสอบกับผู้จำหน่าย หรือจัดซื้อซอฟต์แวร์ที่อัพเดทข้อมูลโดยอัตโนมัติ
3. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดที่อันตรายพนักงานอาจดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ต่างๆ มาใช้ เช่น ซอฟต์แวร์หยุดการแสดงโฆษณา ซึ่งอาจมีไวรัสหรือสปายแวร์แอบแฝงมาด้วย ดังนั้น พนักงานที่ต้องการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ จึงต้องสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ IT ก่อนเสมอ
4. ระวังการท่องเว็บไวรัสอาจมาจากเว็บไซต์หรืออีเมล์ ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมหรืออีเมล์ที่ใช้ควรรองรับการทำงานกับโปรแกรมป้องกันไวรัส เช่น Microsoft Outlook 2003 ที่มีคุณสมบัติป้องกันไวรัส ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยหลายระดับ รวมถึงกำหนดการกรองข้อความและควบคุมเนื้อหาได้
5. ระมัดระวังการใช้ไฟล์ร่วมกันการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างพนักงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าคุณจะใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง แต่ผู้ใช้นอกองค์กรอาจไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเหล่านี้ พนักงานของคุณจึงไม่ควรเปิดไฟล์แนบที่ไม่แน่ใจ และอีเมล์ทั้งหมดควรผ่านการตรวจสอบจากโปรแกรมป้องกันไวรัส ซึ่งโปรแกรมส่วนใหญ่จะตรวจสอบให้โดยอัตโนมัติ
6. อัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสนับว่าเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่จะทำให้เครือข่ายมีการปกป้องที่ดีอยู่เสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้ด้วย เนื่องจากผู้เขียนไวรัสมักมองหาและโจมตีที่จุดอ่อนของระบบปฏิบัติการ ดังนั้น จึงควรทำการอัพเดทข้อมูลให้กับโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัพเดทระบบปฏิบัติการตลอดเวลา เพื่อป้องกันไวรัสใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งสำหรับ Microsoft Windows ผู้ใช้สามารถรับอัพเดทล่าสุดได้จากเว็บไซต์ Microsoft Windows Update นอกจากนี้ ผู้รับผิดชอบเรื่องการอัพเดท (เช่น เจ้าหน้าที่ IT) ควรกำหนดให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดทำการอัพเดทโดยอัตโนมัติอีกด้วย
7. ทำการสำรองข้อมูลแม้ว่าไวรัสอาจทำให้ข้อมูลเสียหาย แต่คุณสามารถเรียกข้อมูลกลับมาได้โดยการแบ็คอัพหรือสำรองข้อมูลไว้ ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก โดยความถี่ในการสำรองข้อมูลจะขึ้นอยู่กับชนิดและความเร็วในการนำข้อมูลกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละธุรกิจ อย่างไรก็ตาม พนักงานแต่ละคนต้องมีกำหนดเวลาทำสำเนาข้อมูลของตนเอง และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
8. ใช้ไฟร์วอลล์ช่วยปกป้องข้อมูลของคุณการเชื่อมต่อกับภายนอกองค์กรควรทำผ่านโปรแกรมไฟร์วอลล์ เช่น Microsoft ISA Server ซึ่งไม่จำกัดเพียงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของลูกค้า และเครือข่ายภายนอกอื่นๆ ที่พนักงานของคุณต้องติดต่อด้วย
9. กำจัดสปายแวร์สปายแวร์เป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตามและบันทึกพฤติกรรมการทำงานของผู้ใช้โดยไม่รู้ตัว โดยสปายแวร์จะติดตั้งตัวเองไปพร้อมๆ กับการติดตั้งโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งการค้นหาจะทำได้ยาก และการลบสปายแวร์ออกจากระบบก็ต้องใช้ซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ
10. เข้ารหัสข้อมูลการเข้ารหัสข้อมูลช่วยป้องกันการใช้ข้อมูลโดยผู้ไม่มีสิทธิ์ องค์กรจึงควรเข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญทั้งหมด เช่น ข้อความอีเมล์, ตารางคำนวณทางการเงิน และเอกสารส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับข้อมูลเมื่อมีผู้เจาะเข้าสู่เครือข่ายของคุณ

วันอังคารที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ดอกไม้ประจำวันเกิด

เกิดวันอาทิตย์ ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย



เกิดวันจันทร์ ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี
ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน



เกิดวันอังคาร ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้



เกิดวันพุธ ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพ ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน




เกิดวันพฤหัสบดี ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ




เกิดวันศุกร์ ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้ของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง




เกิดวันเสาร์ จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว





























วันอังคารที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑

รักในสิ่งที่ทำ

รักในสิ่งที่ทำ

ในวันที่ชีวิตกำลังสับสนว่าสิ่งที่ทำอยู่ มันดีที่สุด สำคัญที่สุด มีคุณค่าความหมายกับชีวิตที่สุดจริงๆ หรือเปล่า หรือแท้จริงแล้วชีวิตยังต้องการอะไรมากกว่านี้อีก ยังต้องการสิ่งที่เหนือกว่าสิ่งเป็นอยู่ เพื่อตอบสนองความสุขทางใจ ยังต้องการนั่นโน่นนี่ เพื่อก้าวกระโดดไปให้ไกล จากจุดที่เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่ออีกใช่ไหม

เพราะบางทีสิ่งที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ท้าทายชีวิต ให้สนุกมากไปกว่านี้อีกแล้ว เลยทำให้เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราฝันฟุ้งไปไกลเกินกว่าจะพอใจในจุดจุดเดิม ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อคำตอบคือ เราก็ยังต้องอยู่กับความเป็นจริง
ยังต้องอยู่กับสิ่งที่เป็น สิ่งที่ทำ และสิ่งเดิมๆ ที่เรายังต้องเรียนรู้ต่อไป ชีวิตเลยไม่มีความสุข อึดอัดใจ ไม่สบายเนื้อสบายตัว อยู่ก็อยู่เพื่อผ่านพ้นไปวันๆ ทำในสิ่งที่ต้องทำ ก็สักแต่ทำๆ ไปให้สิ้นเรื่องราว

อย่าทำบ้านให้แข็งแรงกว่าพื้นฐาน
จงทำพื้นฐานให้แข็งแรงกว่าบ้าน
รัก ที่จะใส่ใจในรายละเอียด
รัก ที่จะเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกับสิ่งๆ นั้น
รัก ที่จะทำก่อนไม่มีโอกาสได้ทำ

ลองรักในสิ่งที่ทำ เห็นคุณค่า นี่คือโอกาสดีที่เราจะได้พิสูจน์ตัวตน พิสูจน์ความสามารถที่มีอยู่ แต่ไม่พยายามนำมันออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่ามัวแต่ต่อต้านมากกว่ายินดีต้อนรับ อย่ามัวแต่นับวันรอให้ตัวเองหลุดพ้น มากกว่านับวันตั้งตารอความสำเร็จจากสิ่งที่ทำอยู่ .....



ที่มา : http://www.chongter.com/




วันศุกร์ที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

THAI CONSTITUTIONS DAY

December 10 marks the Constitution Day which is held annually to commemorate the advent of the regime of Constitutional Monarchy in Thailand.
Previously, the government of Thailand was an absolute monarchy until June 24, 1932 there was a transition to constitutional monarchy led by a group of young intellectuals educated abroad and inspired by the concept of western democratic procedures. The group which was known as “People’s Party or Khana Rasdr” was led by Luang Pradit Manudharm (Pridi Panomyong). To avoid bloodshed, King Rama VII (King Prajadhipok) had prepared, even before being asked, to hand over his powers to the people.
All Thai constitutions, however, recognise the King as Head of State, head of the Armed Forces, Upholder of All Religions and sacred and inviolable in his person. His Majesty the King’s sovereign power emanates from the people and is exercised in three ways, namely; legislative power through the National Assembly, executive power through the Cabinet and Judicial power through the law courts.
Even though the Revolution of 1932 brought an end to the centuries old absolute monarchy, the reverence of the Thai people towards their kings has not been diminished by this change.
Portraits of Thai kings are prominently displayed throughout the kingdom. On Constitution Day, the entire nation is greeted with festivity. The government offices, private buildings and most high rises are decorated with national flags and bunting and are brightly illuminated. On this day, all Thai citizens jointly express their gratitude to the king who graciously granted them an opportunity to take part in government the country.

วันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

วันขึ้น 15 คำ เดือน 12


ประเพณีลอยกระทง












ประวัติความเป็นมา
ประเพณีลอยกระทงมีมานานจนสืบประวัติไม่ได้ และไม่มีในคัมภีร์ทางศาสนาเสฐียรโกเศศ
(พระยาอนุมานราชธน) ได้ค้นคว้าที่มาของประเพณีลอยกระทงไทยทุกภาคตลอดจนถึงประเทศใกล้เคียงคือ พม่า กัมพูชา จีน อินเดีย ได้ความว่ามีประเพณีลอยกระทงทุกประเทศด้วยเหตุผลต่างๆ กันวันลอยกระทงตรงกับวันขึ้น 15 คำ เดือน 12 ประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยประมาณ 700 ปีมาแล้ว
ประเพณีลอยกระทงได้เข้าสู่ประเทศไทยในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีประมาณ พ.
ในหนังสือนางนพมาศ ผู้เป็นพระสนมเอกของพระร่วงเจ้าว่า "ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่างๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้ป็นลวดลาย..." เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงมีพระราศ. 1800 ดังปรากฏชโองการฯให้จัดพิธีลอยกระทงเป็นประจำทุกปี ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสองพระราชพิธีนี้จึงได้ถือปฏิบัติเป็นประจำจนกระทั่งบัดนี้

สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้
1. เพื่อขอขมาแม่คงคา เพราะได้อาศัยนำท่านกินและใช้ และอีกประการหนึ่งมนุษย์มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในนำด้วย
2. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิาฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย
3. เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์
4. เพื่อบูชาพระอุปคุต ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแกพระอุปคุตอย่างสูง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้ การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น
ใบตอง การกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่นำลำคลอง
ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/loykratong/index.html

วันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ทิเบต...สวรรค์บนฟ้า

ทิเบตเป็นดินแดนที่เรียกขานกันว่า "หลังคาโลก"




ลาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของทิเบตตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3,850 เมตร หรือประมาณเกือบ 4 กิโลเมตร ออกซิเจนที่ลาซาจึงค่อนข้างจะบางเบากว่าที่เป็นอยู่ในประเทศไทยหรือที่กรุงเทพฯซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียงไม่ถึง 5 เมตรเท่านั้น การเดินทางไปทิเบตมีสองทางคือจากเนปาลโดยบินจากกัฏมัณฑุไปยังเมืองลาซา และบินผ่านเทือกเขาหิมาลัย บางวันทัศนวิสัยไม่ดีสายการบินอาจยกเลิกได้ อีกเส้นทางหนึ่งคือบินจากเมืองเฉินตูของมลฑลเสฉวนตรงไปยังเมืองลาซา ซึ่งไม่ค่อยมีการยกเลิกเที่ยวบิน ระหว่างเส้นทางบินเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินเห็นแสงแดดตกบนยอดภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ยอดแล้วยอดเล่าสวยงามยิ่งนัก ที่เคยเห็นในประเทศสวิสเซอร์แลนด์หรือออสเตรียสวยสู้ที่นี่ไม่ได้เลย
ลาซา นอกจากได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่อยู่สูงที่สุดในโลกแล้วยังเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีสนามบินอยู่ไกลจากตัวเมืองมากที่สุดของประเทศจีนอีกด้วย เพราะสนามบินกุงก่านั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองถึง96 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ก็ร่วม 2 ชั่วโมง ครั้งแรกที่ได้เหยียบหลังคาโลกก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจแต่มีความรู้สึกกลัวต่อคำเตือนของหลาย ๆ คนที่ว่า สภาพอากาศที่นี่มีระดับออกซิเจนต่ำซึ่งอาจจะมีผลหลายอย่างต่อร่างกายได้ เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินกุงก่า มองไปรอบ ๆ เหมือนสนามบินอยู่ก้นกะทะ ขอบ ๆ จะเป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้เลยสักต้นเดียว อากาศสดชื่นมาก ไม่มีความรู้สึกขาดออกซิเจน ก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรง ไม่เห็นเหมือนคำบอกเล่าเลย การเดินทางจากสนามบินไปยังเมืองลาซา รู้สึกสดชื่นและเพลิดเพลินกับเส้นทางมาก เพราะด้านขวาของถนนจะเลียบแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำพรหมบุตรของประเทศอินเดีย นอกจากนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแยงซี ซึ่งไหลเข้าไปในแผ่นดินจีนและแม่น้ำโขงไหลผ่านจีนตอนใต้เวียดนาม ลาว ไทย และเขมร ด้านซ้ายมือจะเป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ เหมือนกับที่เห็นที่สนามบิน น้ำในแม่น้ำมีสีเขียวสวยมาก ในน้ำมีปลา แต่ไม่มีใครกินปลาเนื่องจากเป็นที่ทิ้งศพของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบที่ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ และคนส่วนใหญ่ถือว่าปลาเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรจะจับมาบริโภค แม่น้ำสายนี้ไม่มีใครลงไปเล่นน้ำเนื่องจากน้ำเย็นจัด ดังนั้นตลอดระยะทางจะเห็นเรือลำเล็ก ๆ ซึ่งทำด้วยหนังวัวมีคนนั่งอยู่ 2-3 คน พายเรือเล่นในแม่น้ำ บ้านคนที่นี่มีขนาดใหญ่โตกว่าที่คิด เนื่องจากส่วนหนึ่งของบ้าน จะกั้นเอาไว้เป็นที่พักของสัตว์เลี้ยง เช่น วัว แพะ จามรี ในตอนกลางคืน บริเวณกำแพงบ้านก็จะมีมูลวัวตากแดดแห้งเป็นก้อน ๆ อยู่ทั่วไปซึ่งเขาจะเอามาทำเป็นฟืนให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวได้ ส่วนบนหลังคาบ้านก็จะมีธงประกอบไปด้วยผ้าสีต่าง ๆ 5 สี ได้แก่ สีฟ้าเป็นเครื่องหมายท้องฟ้าสีขาวคือเมฆ สีเขียวคือน้ำ สีเหลืองคือดิน และสีแดงคือไฟ ธงแบบนี้เป็นสัญญลักษณ์ของการบูชาฟ้าดินและธรรมชาติซึ่งจะเห็นอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือน วัด หรืออาคาร ร้านค้าต่าง ๆ
ดินแดนแห่งนี้ คือศูนย์กลางแห่งสวรรค์
ดินแดนแห่งนี้ เป็นแกนกลางของโลก
ดินแดนแห่งนี้ เป็นหัวใจของชาวโลก
และดินแดนแห่งนี้เป็นบริเวณที่ล้อมรอบด้วยหิมะอันขาวโพลนตลอดกาล
ลาก่อน…สวรรค์บนฟ้า อีกไม่นานคงได้กลับไปเยือนอีก

วันเสาร์ที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ELEPHANT OF THAILAND






ลักษณะและธรรมชาติของช้าง

ช้างเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม เป็นสัตว์แข็งแรงมีกำลังมาก มีขาใหญ่ 4 ขา พื้นเท้าอ่อนนุ่มเมื่อช้างเดินจึงไม่ใคร่ไดยินเสียง ส่วนการนอนของช้างนั้นโดยธรรมชาติแล้ว ช้างจะนอนตะแคงตัวลำตัวกับพื้น และมีการหาวนอนและนอนกรนเช่นเดียวกับมนุษย์ ตามปกติช้างจะนอนหลับในระยะเวลาสั้น เพียง 3-4 ชั่วโมง เวลานอนอยู่ในระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกาถึง 03.00นาฬิกา ช้างไม่นอนกลางวันนอกจากมีอาการไม่สบายงวงช้างคือ จมูกของช้าง ยาวถึงพื้น ใช้หายใจและจับดึงยกลากสิ่งของต่าง ๆ ได้ และใช้หยิบอาการเข้าปาก ปลายงวงมีรูสองรู กลวงตลอดความยาวงวงช้าง งวงช้างไม่มีกระดูกอยู่ภาพใน จึงอ่อนไหวและแกว่งไปมาได้ง่าย งวงนี้ใช้อมน้ำและพ่นน้ำเล่นได้ เมื่อช้างจะดื่มน้ำจะใช้งวงดูดน้ำข้าไปเก็บไวในงวงก่อนแล้วจึงพ่นน้ำจากงวงเข้าในปากอีกทีหนึ่งงาช้างเป็นสิ่งที่สวยงามและมีราคามากที่สุดในตัวช้าง งาช้างก็คือฟันหน้าหรือเขี้ยวของช้าง งอกออกจากขากรรไกรบนข้างละอัน งาช้างทั้งคู่มีสีขาวนวล เริ่มโผล่ให้เห็นเมื่อมีอายุประมาณ 2-5 ปี งาช้างที่สวยงามจะต้องมีความโค้งเรียบสม่ำเสมอจนเกือบเป็นรูปครึ่งวงกลม ช้างใช้งาเป็นอาวุธป้องกันตัวต่อสู่กับสัตว์ร้ายนัยน์ตาช้างมีตาเล็กมากเมื่อเทียบกับรูปร่างอันสูงใหญ่
แต่ก็สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนดี และเห็นไดแต่ไกลใบหูมีลักษณะคล้ายพัด โบกไปมาอยู่เสมอ เมื่อช้างกางใบหูออกจะได้ยินเสียงจากที่ไกล ๆ ได้ดีขึ้น ช้างที่มีอายุมากใบหูจะม้วนลงมาและขอบล่างมักเว้าแหว่ง การเว้าแหว่งของขอบล่างใบหูอาจใช้คาดคะเนอายุของช้างได้อย่างคร่าว ๆ ถ้าใบหูเว้าแหว่งน้อยแสดงว่าอายุยังน้อย ถ้าเว้าแหว่งมากก็หมายถึงอายุมากหางหางช้างมีลักษณะกลมยาวเรียวลงไปถึงเข่า
ที่ปลายมีขนเส้นโตสีดำ ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว เรียงเป็น 2 แถว ตลอดความยาวของหางประมาณ 6-7 นิ้ว
จำนวนเล็บช้างมีนิ้วเท้าสั้นที่สุดจนเห็นแต่อุ้งเท้า มีเล็บโผล่ให้เห็นเป็นบางเล็บ ส่วนมากมี 18 เล็บ คือเท้าหน้าข้างละ 5 เล็บ เท้าหลังข้างละ 4 เล็บ บางตัวมี 16 บางตัวมี 20 เล็บ


ความฉลาดของช้างไทย
ช้างไทย เป็นช้างเอเชีย ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว สามารถนำมาฝึกใช้ในการใช้งาน ให้ทำตามคำสั่ง
ของมนุษย์ได้สรีระของช้างไทย ซึ่งเป็นช้างเอเชีย มีศรีษะ ใหญ่มีมันสมองมาก ทำให้ช้างที่นำมาจากป่า เพื่อนำมาเลี้ยง เป็นช้างบ้านมีความสลาด สามารถสื่อสารกับมนุษย์ ผู้นำมาฝึกคนเลี้องช้าง ควาญช้าง โดยเฉพาะที่เป็นชาวไทยกูยหรือส่วย แห่งจังหวัดสุรินร์ จะมีความชำนาญ ในการฝึกช้างเป็นพิเศษช้างไทย
จัดเป็นสัตว์บก ขนาดใหญ่ ที่สามารถ สื่อสารกับมนุษย์ได้กับภาษา พูดของมนุษย์ และอากัปกิริยา อาการ
ที่สื่อสาร เข้าใจกันได้

วันอังคารที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ทายนิสัย จากเค้กที่ชอบกิน

บราวนี่เค้ก : เป็นนักผจญภัย ชอบไอเดียใหม่ๆ เป็นนักต่อสู้และชอบชัยชนะ เป็นคนมีอารมณ์ขัน แต่หลายครั้งที่สร้างมุขแป้ก แม้จะมีแนวคิดแปลกๆ ไปบ้าง แต่ก็เป็นคนจงรักภักดีไม่แพ้ใคร
เค้กสตรอเบอรี่ : เป็นคนน่ารัก อบอุ่น และโรแมนติก ช่างเอาอกเอาใจและห่วงใยคนอื่น แต่ใจอ่อนง่ายๆ บางครั้งก็ใช้อารมณ์มากเกินไป คนส่วนใหญ่มักมองว่าเป็นคนขี้หึงอีกด้วย
เค้กช็อคโกแลต : เป็นคนเซ็กซี่ สร้างสรรค์ อารมณ์ร้อนแรง และทะเยอทะยาน หลายคนอาจมองดูเป็นคนเย็นชา แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนซ่อนความอบอุ่นไว้ภายใน ชอบผจญภัย ไม่ค่อยพอใจกับอะไรที่เรียบๆ ธรรมดา จึงชอบที่จะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ
เค้กแครอท หรือ เค้กอื่นๆ ที่ทำจากผัก/ธัญพืช : เป็นคนร่าเริง ชอบความสนุกสนาน ใครๆ ที่อยู่ด้วยมักมีความสุข สนุกสนานไปด้วย ไม่ค่อยมีพิธีรีตรอง ไม่ต้องมากความ แถมยังใจดี เลยมีเพื่อนมาก
เค้กไอศกรีม : เป็นนักกีฬาตัวยง ไม่ว่าจะลงแข่งจริงๆ จังๆ หรือแค่เป็นแฟนกีฬาที่ติดตามดูอย่างจริงจังก็ตาม จึงทำให้ค่อนข้างแอคทีฟ เคารพตัวเองและยึดถือตัวเองเป็นหลัก จึงมักมีคนว่าออกจากเรื่องมากเอาการอยู่นะ ต้องระวังด้วย

ที่มา http://hilight.kapook.com/view/29587



วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ดาวประกายพรึก

ภาพถ่ายดาวศุกร์ในย่านอัลตราไวโอเลตจากยานไพโอเนียร์วีนัสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979
แสดงให้เห็นเมฆที่ปกคลุมหนาทึบในบรรยากาศ
(ภาพจาก NASA)


ดาวศุกร์ผ่านใกล้ดาวอัลเดบารันในกลุ่มดาววัว มองเห็นได้ในเวลาเช้ามืด


นับจากปลายปีที่แล้วจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ดาวศุกร์อยู่ในท้องฟ้าเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันตก หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า ดาวประจำเมือง หลังจากนั้นดาวศุกร์ได้ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แล้วจะกลับมาให้เห็นในท้องฟ้าเวลาเช้ามืดก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นในปลายเดือนมิถุนายนนี้ ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หนึ่งในห้าดวงบนท้องฟ้าที่เป็นที่รู้จักกันมานานหลายพันปี อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้ชื่อว่าเป็นดาวเคราะห์ที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า บางคนอาจเรียกดาวศุกร์ว่าน้องสาวของโลก เนื่องจากมันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าโลกเพียงเล็กน้อย และมีองค์ประกอบในบรรยากาศคล้ายกับโลกในยุคดึกดำบรรพ์
การที่ดาวศุกร์มีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก เราจึงมีโอกาสเห็นดาวศุกร์ได้เวลาใดเวลาหนึ่งใน 2 ช่วงเวลานี้ คือ เวลาหัวค่ำที่เรียกกันว่า "ดาวประจำเมือง" หรือเวลาเช้ามืดที่เรียกกันว่า "ดาวประกายพรึก" หากดาวศุกร์ปรากฏในเวลาหัวค่ำมันจะอยู่ทางทิศตะวันตก แต่หากปรากฏในเวลาเช้ามืดมันจะอยู่ทางทิศตะวันออก กาลิเลโอ นักดาราศาสตร์ชาวอิตาเลียน เป็นคนแรกที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาวศุกร์ และพบว่าดาวศุกร์มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงดิถีของดวงจันทร์ นักดาราศาสตร์ในอดีตที่ส่องกล้องดูดาวศุกร์พบว่าดาวศุกร์มีร่องรอยจางๆ ปรากฏบนผิวดวง ปัจจุบันเราทราบว่าร่องรอยเหล่านั้นเป็นเมฆที่ปกคลุมรอบตัวดวง จึงไม่สามารถสังเกตเห็นพื้นผิวอย่างที่เห็นบนดาวอังคาร
การศึกษาดาวศุกร์ในย่านอินฟราเรดในปี ค.ศ. 1932 ทำให้พบว่าดาวศุกร์มีบรรยากาศที่ประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นส่วนใหญ่ การศึกษาด้วยคลื่นไมโครเวฟในปลายทศวรรษ 1950-1960 ทำให้พบว่าพื้นผิวดาวศุกร์มีอากาศร้อนอย่างร้ายกาจด้วยอุณหภูมิเกือบ 500 องศาเซลเซียสในด้านที่เป็นกลางวัน และยังมีฝนของกรดซัลฟิวริกที่เป็นผลผลิตจากภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่
เมื่อมีการใช้เรดาร์ศึกษาดาวศุกร์จากพื้นโลก พบว่าดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองในทิศทางและอัตราที่ไม่ปกตินัก โลกและดาวเคราะห์ส่วนใหญ่หมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองลงมาจากด้านเหนือของระบบสุริยะ แต่ดาวศุกร์หมุนรอบตัวเองในทิศทางตรงกันข้าม หากเราไปยืนบนดาวศุกร์จะพบว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกและตกทางทิศตะวันออก นักวิทยาศาสตร์คาดว่าการหมุนรอบตัวเองที่แปลกประหลาดนี้ อาจมีสาเหตุจากการที่ดาวศุกร์ถูกชนโดยวัตถุขนาดใหญ่ในช่วงแรกๆ ที่มันกำลังก่อตัวเป็นดาวเคราะห์ นอกจากนี้ หนึ่งวันบนดาวศุกร์ยังมีความยาวนานถึง 243 วันโลก ในอดีตมียานอวกาศหลายลำที่ออกเดินทางไปสำรวจดาวศุกร์ ทั้งจากสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย ที่ประสบผลสำเร็จคือยานมาริเนอร์ 2 ยานมาริเนอร์ 5 และยานมาริเนอร์ 10 ที่ผ่านใกล้ดาวศุกร์ในช่วงปี ค.ศ. 1962-1974 ต่อมาองค์การนาซาได้ส่งยานไพโอเนียร์วีนัสไปยังดาวศุกร์ในปี ค.ศ. 1978 ซึ่งมียานลูกถูกหย่อนลงไปในบรรยากาศของดาวศุกร์เพื่อเก็บข้อมูลองค์ประกอบและถ่ายภาพพื้นผิวของดาวศุกร์
รัสเซียส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวศุกร์จำนวนหลายลำในกลุ่มของยานเวเนรา และถือเป็นดาวเคราะห์ที่รัสเซียให้ความสนใจมากเป็นพิเศษในช่วงทศวรรษ 1960-1980 มีการส่งยานไปโคจรรอบดาวศุกร์และลงแตะพื้นผิวของดาวศุกร์ โดยเฉพาะยานเวเนรา 15 และยานเวเนรา 16 ที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงของพื้นผิวดาวศุกร์ได้ ยานอวกาศที่สามารถเก็บข้อมูลดาวศุกร์ได้มากที่สุดนับถึงปัจจุบันคือยานมาเจลันของสหรัฐฯ ที่ส่งออกจากโลกในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1989 ถึงดาวศุกร์ในเดือนสิงหาคม 1990 วงโคจรของยานที่เกือบตั้งฉากกับเส้นศูนย์สูตรและผ่านใกล้ขั้วทั้งสองของดาวศุกร์ ทำให้สามารถใช้เรดาร์ทำแผนที่ดาวศุกร์เกือบทั่วทั้งดวง
ปลายเดือนมิถุนายนนี้เราจะเริ่มเห็นดาวศุกร์ได้ในท้องฟ้าเวลาเช้ามืด โดยที่ดาวศุกร์จะมีตำแหน่งใกล้ขอบฟ้าขณะที่ท้องฟ้าเริ่มสว่าง หากท้องฟ้าปลอดโปร่ง ขณะที่ดาวศุกร์โผล่เหนือขอบฟ้าขึ้นมา ดาวศุกร์จะมีสีเหลืองทองและมีการกะพริบแสงดูแปลกตา หากใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูจะเห็นว่าดาวศุกร์มีส่วนสว่างเป็นเสี้ยวคล้ายดวงจันทร์ ต้นเดือนกรกฎาคมดาวศุกร์จะผ่านใกล้ดาวอัลเดบารัน ดาวฤกษ์สว่างในกลุ่มดาววัว

ที่มา http://thaiastro.nectec.or.th/skyevnt/planets/2004venus-emerge.html


วันศุกร์ที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

HAPPINESS

"พายุงวงช้าง" "พายุนาคเล่นน้ำ" หรือ "พวยน้ำ"



หลังจากเกิดปรากฏการ์ "พายุงวงช้าง" ขึ้นในบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 ก่อนจะสลายตัวไป แต่ก็ทำเอาหลายๆ คนหวาดกลัวกับคำว่า "พายุ" พร้อมๆ กับสงสัยว่าพายุงวงช้างคืออะไร มีลักษณะอย่างไร และอันตรายมากน้อยแค่ไหน เราจะพาไปรู้จักกับ "พายุงวงช้าง" กันค่ะ...
ปรากฏการณ์ "พายุงวงช้าง" มีชื่อที่ถูกต้องคือ "พายุนาคเล่นน้ำ" หรือ "พวยน้ำ" (waterspout) หมายถึง ปรากฏการณ์ที่มีลักษณะคล้ายท่อน้ำขนาดใหญ่เชื่อมต่อระหว่างผืนฟ้าและพื้นน้ำ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากลมพัดวนบิดเป็นเกลียว เห็นได้จากเมฆที่มีลักษณะเป็นลำ หรือเป็นกรวยหัวกลับยื่นลงมาจากฐานของเมฆคิวมูโลนิมบัส (เมฆฝนฟ้าคะนอง) และเห็นได้จากพวยน้ำที่พุ่งขึ้นมาเป็นพุ่ม ประกอบด้วยหยดน้ำพุ่งเป็นฝอยขึ้นจากผิวพื้นทะเล มีลมแรงพัดเข้าหาบริเวณศูนย์กลางของพวยน้ำ ยอดของพวยน้ำอาจเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่แตกต่างไปจากฐาน ทำให้แกนเอียงหรือบิดเบี้ยวแล้วหลุดออกจากกันและสลายตัวไป ซึ่งการเกิดจะคล้ายกับพายุทอร์นาโดที่เกิดขึ้นเหนือพื้นน้ำ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า มักเกิดบ่อยๆ บนพื้นน้ำในเขตร้อน ช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์นี้กินเวลาไม่นานนักในบางครั้งอาจเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานานถึงครึ่งชั่วโมง
ลักษณะการเกิด "พายุงวงช้าง" หรือ "นาคเล่นน้ำ" มี 2 แบบ ได้แก่
1. เป็นพายุทอร์นาโด ที่เกิดขึ้นเหนือผืนน้ำ (ซึ่งอาจจะเป็นทะเล ทะเลสาบ หรือแอ่งน้ำใดๆ) โดยพายุทอร์นาโดจะเกิดขึ้นระหว่างที่ฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก เรียกว่า พายุฝนฟ้าคะนองแบบซูเปอร์เซลล์ (Supercell thunderstorm) และมีระบบอากาศหมุนวนที่เรียกว่า เมโซไซโคลน (Mesocyclone) จึงเรียกพายุนาคเล่นน้ำแบบนี้ว่า นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโด (Tornado waterspout)
2. เกิดจากการที่มวลอากาศเย็น เคลื่อนผ่านเหนือผิวน้ำที่อุ่นกว่า โดยบริเวณใกล้ๆ ผิวน้ำมีความชื้นสูง และไม่ค่อยมีลมพัด (หรือถ้ามีก็พัดเบาๆ) ผลก็คืออากาศที่อยู่ติดกับผืนน้ำซึ่งอุ่นในบางบริเวณจะยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้อากาศโดยรอบไหลเข้ามาแทนที่ จากนั้นจึงพุ่งเป็นเกลียวขึ้นไป แบบนี้เรียกว่า "นาคเล่นน้ำ" (True waterspout) ซึ่งมักเกิดในช่วงอากาศดีพอสมควร (fair-weather waterspout) อาจเกิดได้บ่อย และประเภทเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากในช่วงที่เกิดมักจะมีพายุฝนฟ้าคะนองร่วมอยู่ด้วย
แต่ความแตกต่างของ 2 แบบนี้ก็คือ นาคเล่นน้ำที่เกิดจากทอร์นาโดจะเริ่มจากอากาศหมุนวน (ในบริเวณเมฆฝนฟ้าคะนอง) แล้วหย่อนลำงวงลงมาแตะพื้น คืออากาศหมุนจากบนลงล่าง ส่วนนาคเล่นน้ำของแท้จะเริ่มจากอากาศหมุนวนบริเวณผิวพื้นน้ำ แล้วพุ่งขึ้นไป คืออากาศหมุนจากล่างขึ้นบน ในช่วงที่อากาศพุ่งขึ้นเป็นเกลียววนนี้ หากน้ำในอากาศยังอยู่ในรูปของไอน้ำ เราจะยังมองไม่เห็นอะไร แต่หากอากาศขยายตัวและเย็นตัวลงถึงจุดหนึ่ง ไอน้ำก็จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำจำนวนมาก ทำให้เราเห็นท่อหรือ "งวงช้าง" เชื่อมผืนน้ำและเมฆ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "พายุงวงช้าง"
โดยส่วนใหญ่มีความยาวประมาณ 10 - 100 เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมีตั้งแต่ 1 เมตร ไปจนถึงหลาย 10 เมตร โดยในพายุอาจมีท่อหมุนวนเพียงท่อเดียวหรือหลายท่อก็ได้ แต่ละท่อจะหมุนด้วยอัตราเร็วในช่วง 20-80 เมตรต่อวินาที กระแสลมในตัวพายุเร็วถึง 100 - 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอาจสูงถึง 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสามารถคว่ำเรือเล็กๆ ได้สบาย ดังนั้น ชาวเรือควรสังเกตทิศทางการเคลื่อนที่ให้ดี แล้วหนีไปในทิศตรงกันข้าม นอกจากนี้ พายุชนิดนี้ยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วตั้งแต่ 3 - 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่ค่อนข้างช้าประมาณ 18 - 28 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ พายุนี้มีอายุไม่ยืนยาวนัก คืออยู่ในช่วง 2 - 20 นาที จากนั้นก็จะสลายตัวไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลก แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงปรากฏการณ์พายุงวงช้างว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่วนใหญ่มักจะเกิดในน้ำ โดยเฉพาะในทะเลจะเห็นบ่อยกว่าในน้ำจืด สำหรับประเทศไทยเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น แต่ไม่บ่อยนัก และไม่เป็นอันตราย เพราะมีขนาด 1% ของพายุทอร์นาโด
ที่มา www.thaipr.net

วันศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ธรรม




หลักธรรมในพุทธศาสนา


ธรรม หมายถีง สภาพที่ทรงไว้, ธรรมดา, ธรรมชาติ, สภาวธรรม, สัจจธรรม, ความจริง; เหตุ, ต้นเหตุ; สิ่ง, ปรากฏการณ์, ธรรมารมณ์, สิ่งที่ใจคิด; คุณธรรม,ความดี, ความถูกต้อง, ความประพฤติชอบ; หลักการ, แบบแผน, ธรรมเนียม, หน้าที่; ความชอบ, ความยุติธรรม; พระธรรม, คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแสดงธรรมให้เปิดเผยปรากฏขึ้น เช่น พุทธธรรม หมายถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าคริสต์ธรรม หมายถีงคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ท่านพุทธทาสภิกขุ ให้คำนิยามไว้ในหนังสือของท่านว่า ธรรม มีความหมายที่ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถหาคำพูดที่เป็นภาษาของมนุษย์มานิยามได้ แต่ขอนิยามให้เข้าใจพอสังเขปไว้ด้วยความว่า หน้าที่ เพราะไม่มีสิ่งใดในสากลโลกที่ไม่มีหน้าที่
คือ หลักความเป็นไปของโลก พระพุทธศาสนาเน้นความจริงที่เกิดขึ้นกับโลก การเกิด ดับ ไม่มุ่งเน้นความสบาย พระพุทธศาสนาสอนให้มุ่งเน้นในส่วนที่โลกกำลังดำเนินอยู่ เกี่ยวพัน เกี่ยวข้องกับระบบทั้งมวล เราอยู่ในจักรวาล ก็ย่อมดำเนินตามระบบของจักรวาล เราอยู่ในโลกก็ย่อมดำเนินตามระบบของโลก ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ ธรรมชาติก็คือระบบ ทุกอย่างพัวพันกับระบบ พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักระบบ และอยู่บนระบบได้อย่างเป็นสุข รู้ทันระบบ ดำเนินอยู่ในระบบได้อย่างเป็นสุข ไม่ระแวงกับระบบ แต่สามารถอยู่ในขณะที่ระบบกำลังกลั่นแกล้งเราได้ อยู่กับธรรมชาติ ได้อย่างเป็นสุข รู้ทางพ้นจากทุกข์ หรือพ้นจากระบบได้ในทางที่ถูกต้อง เหมาะสม นี่คือ หลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ในพระไตรปิฎกของพุทธศาสนาจะพบคำว่า ธรรมและวินัย ควบกันไปเช่นพระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า

คำว่า ธรรม คือ
1.ธรรมชาติ

2.กฎของธรรมชาติ

3.หน้าที่ตามกฎของธรรมชาติ

4.การได้รับผลตามกฎของธรรมชาติ

วันเสาร์ที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๑

ประวัติข้าน้อย






ชื่อ – สกุล นางสาวอรทัย ดีแซง
เพื่อนๆเรียกฉันว่า จ๊ะโอ๋

วันเกิด 23 กรกฎาคม 2530 อายุ 21 ปี โทร 0835446592
u49172792019@hotmail.com
ao_orathai2@hotmail.com
จบจากมัธยมศึกษา จากโรงเรียนชุมแพศึกษา อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
ที่อยู่ปัจจุบัน 2212 วงค์สว่างอพาร์ทเม้นท์ ซ.กรุงเทพ-นนท์46
ถ.กรุงเทพ-นนท์46 เขตบางซื่อ แขวงบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต คณะวิทยาการจัดการ
หลักสูตรบริหารธุรกิจ แขนงคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

รหัสประจำตัวนักศึกษา 49172792019
ความสามารถ เล่นวอลเลย์บอล มวยไทย
สไตล์การแต่งตัว เรียบนิดเปรี้ยวหน่อย

งานอดิเรก ชอบไปเที่ยวในในสถานที่ต่างๆเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม,ชอบตกปลา,อ่านหนังสือ,ฟังเพลง

นิสัยส่วนตัว โกรธง่ายหายเร็ว แต่ก็มีที่โกรธแล้วไม่หายเลย

ควาฝันของฉันในอนาคต ทำไร่สตอเบอร์รี่แล้วส่งออก
คติประจำใจ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วอนาคตและอดีตของเราก็จะดีเอง









ความประทับใจของเราในกราเรียนเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพวิชาบริหารธุกิจ3




ความประทับใจของเราในกราเรียนเตรียมฝึกประสบการณ์วิชาชีพวิชาบริหารธุกิจ3
วันแรกเลยนะ เราได้ไปยืนกับเพื่อนๆที่แต่ตัวไม่เรียบร้อยทำใจลำบากอ่ะ
วันนี้ก็ไม่ประทับใจอยู่นิดนึงอ่ะก็เราไม่เข้าใจว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
มีแต่ได้ยินมาบ้างว่าให้แต่ตัวให้เรียบร้อยอ่ะเราก็คิดนะว่าเราเรียบร้อยแล้วแต่ไม่ใช่
ความเรียบร้อยต้องมีการตรวจความเรียบร้อยก่อนเข้าเรียนทุกชั่วโมง
แต่เรียนไปทุกอาทิตย์กลับไม่เป็นดั่งที่คิดว่าอาจารย์จะโหดแต่กลับรู้สึกสนุกนะ
ถ้าใครไม่เข้าใจว่าการที่เราเปลี่ยนตัวเองเพื่อจะทำให้เราดูดีถูระเบียบ และ
ไม่เป็นแกะดำ เราควรปรับตัวให้เข้ากันทุกสิ่งทุกอย่างที่มีความสำคัญกับเรา
สิ่งที่ได้มาจากการที่เราเรียนในครั้งนี้นะค่ะ
1.มีความตรงต่อเวลามากขึ้น
2.มีความกระตือรือร้นที่จะทำงาน
3.การที่ต้องแต่งตัวให้เข้ากับสังคมที่เป็นอยู่
4.การที่ได้ทำงานกับเพื่อนคนอื่น
5.รู้ว่าสิ่งที่เห็นบางครั้งอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นอยู่
และมีอืกมากมายนะค่ะที่ถ้าทุกคนมาเรียนวิชาเตรียมฝึกประสบการณ์
จะได้รับความรู้และความประทับใจเป็นอย่างมากเหมือนกับดิฉัน

ครั้งหนึ่งในชีวิต...ขอพิชิตภูกกระดึง

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
Phukradung National Park Thailand




ลักษณะภูมิประเทศ สภาพทั่วไปของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นภูเขาหินทรายยอดตัดอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบสูงโคราช ใกล้กับด้านลาดทิศตะวันออกของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ลักษณะโครงสร้างทางธรณีของภูกระดึงเกิดขึ้นในมหายุค Mesozoic เป็นหินในชุดโคราช ประกอบด้วยชั้นหินหมวดหินภูพานหมวดหินเสาขัว หมวดหินพระวิหาร และหมวดหินภูกระดึง พื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 400-1,200 เมตร มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่คล้ายรูใบบอน ประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ ยอดสูงสุดคือ ภูกุ่มข้าว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,350 เมตร สภาพพื้นที่ราบบนยอดภูกระดึงมีส่วนสูงอยู่ทางด้านตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ค่อยๆ ลาดเทลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ลำธารสายต่างๆ ที่เกิดจากแหล่งน้ำบนภูเขาไหลไปรวมกันทางด้านนี้ เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหว



ผานกแอ่น อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางประมาณ 2กิโลเมตร และห่างจากหลังแป 2.5 กิโลเมตร ผานกแอ่นเป็นลานหินเล็กๆ มีสนขึ้นโดดเด่นริมหน้าผาต้นหนึ่ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามยิ่ง อากาศสดชื่นเย็นสบาย มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา เห็นผานกเค้าได้ชัดเจน ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม-เมษายน ผู้ที่ไปชมประอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไปด้วย
8
ผาหล่มสัก
อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นลานหินกว้างและมีสนต้นหนึ่งขึ้นชิดริมผาใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปในอากาศทางทิศใต้ บริเวณผาหล่มสักนี้มองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสลับซับซ้อนในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนและงดงามมาก ผู้ที่ไปชมประอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง


น้ำตกธารสวรรค์ จากน้ำตกถ้ำใหญ่เมื่อออกสู่ป่าสนไม่ไกลนักจะมีทางแยกบนลานหินสู่น้ำตกธารสวรรค์ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักตามเส้นทางป่าสนผ่านลานองค์พระพุทธเมตตาเพียง 1.6 กม. เท่านั้น เป็นน้ำตกขนาดเล็ก


ป่าดิบเขา พบตั้งแต่ระดับ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ก่วมแดง ทะโล้ สนสามพันปี พะอง จำปีป่า พญาไม้ ก่อเดือย ก่อหนาม ก่อหมู ส้านเขา รัก เหมือดคนดง เฉียงพร้านางแอ พะวา เดื่อหูกวาง ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยไม้พุ่ม เช่น กุหลาบแดง มือพระนารายณ์ ฮอมคำ จ๊าฮ่อม ฯลฯ ตามหน้าผาริมขอบภูพบปาล์มต้นสูงขึ้นห่างๆ ได้แก่ ค้อดอย ไม้เถา เช่น กระจับเขา เครือเขาน้ำ แก้มขาว หนามไข่ปู ใบก้นปิด ย่านหูเสือ เป็นต้น
น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาว ใบเมเปิ้ลที่อยู่บริเวณริมน้ำตกจะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำยามแดดสาดส่องผ่านลงมาจะเป็นสีแดงจัดตัดกับสีเขียวขจีของตะไคร่น้ำตามโขดหิน ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกโผนพบ ซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกใน


ป่าสนเขา พบเฉพาะบนที่ราบยอดภูกระดึงที่ระดับความสูงประมาณ 1,200-1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สนสองใบ ก่อเตี้ย ทะโล้ สารภีดอย มะเขื่อเถื่อน รัก ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย สนทราย ส้มแปะ กุหลาบขาว เม้าแดง พวงตุ้มหู นางคำ ฯลฯ ตามลานหินมีพืชชั้นต่ำพวกไลเคน ประเภทแนบกับหินเป็นแผ่น และประเภทเป็นฟองเรียก ฟองหิน ปกคลุมทั่วไป นอกจากนี้จะพบเอื้องคำหิน ม้าวิ่ง และเขากวาง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ออกเป็นกอหนาแน่น พืชล้มลุก เช่น ดาวเรืองภู ว่านคางคก ต่างหูขาว เนียมดอกธูป แววมยุรา หญ้าข้าวก่ำขาว โสภา เทียนภู เปราะภู ดอกหรีด ขนนกยูง หญ้าเหลี่ยม น้ำเต้าพระฤาษี กูดเกี๊ยะ เป็นต้น บนพื้นดินที่ชุ่มแฉะ มอสจำพวกข้าวตอกฤาษีหลายชนิดขึ้นทับถมแน่น คล้ายผืนพรม บางแห่งมีพืชล้มลุกขนาดเล็กหลายชนิดขึ้นปะปนกันแน่น เช่น กระดุมเงิน สาหร่ายข้าวเหนียว
ดุสิตา และหญ้าข้าวก่ำ


บรรยากาศในช่วงฤดูหนาว

น้ำตกถ้ำสอใต้ อยู่ถัดจากน้ำตกถ้ำสอเหนือลงไปตามลำน้ำประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่เกิดจากหน้าผาหินถล่มลงไป สภาพภูมิประเทศไม่ได้อำนวยให้เกิดเป็นชั้นน้ำตกเหมือนแห่งอื่นๆ


ป่าเต็งรัง พบบนที่ราบเชิงเขาและบนที่ลาดชันจนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง กราด รกฟ้า อ้อยช้าง กว้าว มะกอกเลื่อม มะค่าแต้ ช้างน้าว ติ้วขน ยอป่า ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย หญ้าเพ็ก ขึ้นเป็นกอหนาแน่น แทรกด้วยไม้พุ่มและพืชล้มลุก




น้ำตกโผนพบ เป็นหนึ่งในน้ำตกหลายจุดอันเกิดจากสายน้ำวังกวาง ห่างจากตัวน้ำตกเพ็ญพบใหม่เพียง 600 เมตรเท่านั้น ในส่วนของลำธารส่วนบนของน้ำตกโผนพบนี้ สามารถไปยืนชมตัวน้ำตกกลางลำธารซึ่งจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม น้ำตกมี 8 ชั้น สูงประมาณ 30 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยงามไม่น้อยบนภูเขานี้ สำหรับชื่อ “โผนพบ” ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยน โลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกต่างประเทศ





น้ำตกเพ็ญพบ อยู่ห่างจากน้ำตกโผนพบ 800 เมตร เป็นน้ำตกที่ไม่สูงนัก ลำห้วยช่วงก่อนไหลลงน้ำตกเป็นลานหินกว้าง ลักษณะคล้ายแก่งที่เต็มไปด้วยหลุมกลม








ที่พักแรม/บ้านพัก มีบ้านพักให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ทั้งบนยอดภูกระดึง และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง



สถานที่ติดต่ออุทยานแห่งชาติภูกระดึงหมู่ 1 ต.ศรีฐาน อ. ภูกระดึง จ. เลย 42180
โทรศัพท์ 0 4287 1333 อีเมล reserve@dnp.go.th



ที่มาของข้อมูล
http://www.moohin.com/049/049e002.shtml
http://www.oceansmile.com/E/Leo/LeaForest3.htm