วันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

ทิเบต...สวรรค์บนฟ้า

ทิเบตเป็นดินแดนที่เรียกขานกันว่า "หลังคาโลก"




ลาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของทิเบตตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3,850 เมตร หรือประมาณเกือบ 4 กิโลเมตร ออกซิเจนที่ลาซาจึงค่อนข้างจะบางเบากว่าที่เป็นอยู่ในประเทศไทยหรือที่กรุงเทพฯซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียงไม่ถึง 5 เมตรเท่านั้น การเดินทางไปทิเบตมีสองทางคือจากเนปาลโดยบินจากกัฏมัณฑุไปยังเมืองลาซา และบินผ่านเทือกเขาหิมาลัย บางวันทัศนวิสัยไม่ดีสายการบินอาจยกเลิกได้ อีกเส้นทางหนึ่งคือบินจากเมืองเฉินตูของมลฑลเสฉวนตรงไปยังเมืองลาซา ซึ่งไม่ค่อยมีการยกเลิกเที่ยวบิน ระหว่างเส้นทางบินเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบินเห็นแสงแดดตกบนยอดภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ยอดแล้วยอดเล่าสวยงามยิ่งนัก ที่เคยเห็นในประเทศสวิสเซอร์แลนด์หรือออสเตรียสวยสู้ที่นี่ไม่ได้เลย
ลาซา นอกจากได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่อยู่สูงที่สุดในโลกแล้วยังเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่ามีสนามบินอยู่ไกลจากตัวเมืองมากที่สุดของประเทศจีนอีกด้วย เพราะสนามบินกุงก่านั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองถึง96 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ก็ร่วม 2 ชั่วโมง ครั้งแรกที่ได้เหยียบหลังคาโลกก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจแต่มีความรู้สึกกลัวต่อคำเตือนของหลาย ๆ คนที่ว่า สภาพอากาศที่นี่มีระดับออกซิเจนต่ำซึ่งอาจจะมีผลหลายอย่างต่อร่างกายได้ เมื่อลงจากเครื่องบินที่สนามบินกุงก่า มองไปรอบ ๆ เหมือนสนามบินอยู่ก้นกะทะ ขอบ ๆ จะเป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้เลยสักต้นเดียว อากาศสดชื่นมาก ไม่มีความรู้สึกขาดออกซิเจน ก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรง ไม่เห็นเหมือนคำบอกเล่าเลย การเดินทางจากสนามบินไปยังเมืองลาซา รู้สึกสดชื่นและเพลิดเพลินกับเส้นทางมาก เพราะด้านขวาของถนนจะเลียบแม่น้ำลาซาซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำพรหมบุตรของประเทศอินเดีย นอกจากนี้ยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแยงซี ซึ่งไหลเข้าไปในแผ่นดินจีนและแม่น้ำโขงไหลผ่านจีนตอนใต้เวียดนาม ลาว ไทย และเขมร ด้านซ้ายมือจะเป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ เหมือนกับที่เห็นที่สนามบิน น้ำในแม่น้ำมีสีเขียวสวยมาก ในน้ำมีปลา แต่ไม่มีใครกินปลาเนื่องจากเป็นที่ทิ้งศพของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบที่ตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ และคนส่วนใหญ่ถือว่าปลาเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ควรจะจับมาบริโภค แม่น้ำสายนี้ไม่มีใครลงไปเล่นน้ำเนื่องจากน้ำเย็นจัด ดังนั้นตลอดระยะทางจะเห็นเรือลำเล็ก ๆ ซึ่งทำด้วยหนังวัวมีคนนั่งอยู่ 2-3 คน พายเรือเล่นในแม่น้ำ บ้านคนที่นี่มีขนาดใหญ่โตกว่าที่คิด เนื่องจากส่วนหนึ่งของบ้าน จะกั้นเอาไว้เป็นที่พักของสัตว์เลี้ยง เช่น วัว แพะ จามรี ในตอนกลางคืน บริเวณกำแพงบ้านก็จะมีมูลวัวตากแดดแห้งเป็นก้อน ๆ อยู่ทั่วไปซึ่งเขาจะเอามาทำเป็นฟืนให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวได้ ส่วนบนหลังคาบ้านก็จะมีธงประกอบไปด้วยผ้าสีต่าง ๆ 5 สี ได้แก่ สีฟ้าเป็นเครื่องหมายท้องฟ้าสีขาวคือเมฆ สีเขียวคือน้ำ สีเหลืองคือดิน และสีแดงคือไฟ ธงแบบนี้เป็นสัญญลักษณ์ของการบูชาฟ้าดินและธรรมชาติซึ่งจะเห็นอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือน วัด หรืออาคาร ร้านค้าต่าง ๆ
ดินแดนแห่งนี้ คือศูนย์กลางแห่งสวรรค์
ดินแดนแห่งนี้ เป็นแกนกลางของโลก
ดินแดนแห่งนี้ เป็นหัวใจของชาวโลก
และดินแดนแห่งนี้เป็นบริเวณที่ล้อมรอบด้วยหิมะอันขาวโพลนตลอดกาล
ลาก่อน…สวรรค์บนฟ้า อีกไม่นานคงได้กลับไปเยือนอีก

ไม่มีความคิดเห็น: