วันเสาร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑

10 ข้อปฏิบัติง่ายๆ เพื่อให้ธุรกิจห่างไกลจากไวรัส


คอมฯ ของคุณปลอดภัยจากไวรัสหรือไม่? ปัจจุบัน ซอฟต์แวร์ที่ใช้ป้องกันไวรัสสำหรับธุรกิจมีการพัฒนาสูงขึ้น เช่นเดียวกัน ไวรัสคอมพิวเตอร์ก็ได้มีการพัฒนาตัวเองเพื่อหลบหลีกระบบการตรวจสอบของซอฟต์แวร์ป้องกันนั้นๆเช่นกันดังนั้น ขั้นตอนง่ายๆที่จะแนะนำต่อไปนี้จะสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความปลอดภัยจากไวรัสมากขึ้น การป้องกันไวรัสแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ
1.ให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และ
2.สร้างการปกป้องที่แข็งแรงให้กับเครือข่ายของคุณ ซึ่งไมโครซอฟท์ขอให้ลองพิจารณาข้อควรปฏิบัติข้างล่างนี้ เพื่อตรวจสอบว่า องค์กรของคุณพร้อมสำหรับการป้องกันไวรัสแล้วหรือยัง
1. ให้ความรู้กับพนักงานสิ่งนี้เป็นกุญแจสำคัญ คุณควรวางแผนการให้ความรู้แก่พนักงานและผู้จัดการ พร้อมกับปรับปรุงนโยบายขององค์กรด้วย
2. ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสควรทำการอัพเดทซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เช่น McAfee VirusScan และ Norton Antivirus ให้กับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดในเครือข่ายอย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจสอบกับผู้จำหน่าย หรือจัดซื้อซอฟต์แวร์ที่อัพเดทข้อมูลโดยอัตโนมัติ
3. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดที่อันตรายพนักงานอาจดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ต่างๆ มาใช้ เช่น ซอฟต์แวร์หยุดการแสดงโฆษณา ซึ่งอาจมีไวรัสหรือสปายแวร์แอบแฝงมาด้วย ดังนั้น พนักงานที่ต้องการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ จึงต้องสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ IT ก่อนเสมอ
4. ระวังการท่องเว็บไวรัสอาจมาจากเว็บไซต์หรืออีเมล์ ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมหรืออีเมล์ที่ใช้ควรรองรับการทำงานกับโปรแกรมป้องกันไวรัส เช่น Microsoft Outlook 2003 ที่มีคุณสมบัติป้องกันไวรัส ได้แก่ การรักษาความปลอดภัยหลายระดับ รวมถึงกำหนดการกรองข้อความและควบคุมเนื้อหาได้
5. ระมัดระวังการใช้ไฟล์ร่วมกันการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างพนักงานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าคุณจะใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง แต่ผู้ใช้นอกองค์กรอาจไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเหล่านี้ พนักงานของคุณจึงไม่ควรเปิดไฟล์แนบที่ไม่แน่ใจ และอีเมล์ทั้งหมดควรผ่านการตรวจสอบจากโปรแกรมป้องกันไวรัส ซึ่งโปรแกรมส่วนใหญ่จะตรวจสอบให้โดยอัตโนมัติ
6. อัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสนับว่าเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นที่จะทำให้เครือข่ายมีการปกป้องที่ดีอยู่เสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับระบบปฏิบัติการที่ใช้ด้วย เนื่องจากผู้เขียนไวรัสมักมองหาและโจมตีที่จุดอ่อนของระบบปฏิบัติการ ดังนั้น จึงควรทำการอัพเดทข้อมูลให้กับโปรแกรมป้องกันไวรัสและอัพเดทระบบปฏิบัติการตลอดเวลา เพื่อป้องกันไวรัสใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งสำหรับ Microsoft Windows ผู้ใช้สามารถรับอัพเดทล่าสุดได้จากเว็บไซต์ Microsoft Windows Update นอกจากนี้ ผู้รับผิดชอบเรื่องการอัพเดท (เช่น เจ้าหน้าที่ IT) ควรกำหนดให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดทำการอัพเดทโดยอัตโนมัติอีกด้วย
7. ทำการสำรองข้อมูลแม้ว่าไวรัสอาจทำให้ข้อมูลเสียหาย แต่คุณสามารถเรียกข้อมูลกลับมาได้โดยการแบ็คอัพหรือสำรองข้อมูลไว้ ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก โดยความถี่ในการสำรองข้อมูลจะขึ้นอยู่กับชนิดและความเร็วในการนำข้อมูลกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละธุรกิจ อย่างไรก็ตาม พนักงานแต่ละคนต้องมีกำหนดเวลาทำสำเนาข้อมูลของตนเอง และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
8. ใช้ไฟร์วอลล์ช่วยปกป้องข้อมูลของคุณการเชื่อมต่อกับภายนอกองค์กรควรทำผ่านโปรแกรมไฟร์วอลล์ เช่น Microsoft ISA Server ซึ่งไม่จำกัดเพียงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของลูกค้า และเครือข่ายภายนอกอื่นๆ ที่พนักงานของคุณต้องติดต่อด้วย
9. กำจัดสปายแวร์สปายแวร์เป็นซอฟต์แวร์ที่ติดตามและบันทึกพฤติกรรมการทำงานของผู้ใช้โดยไม่รู้ตัว โดยสปายแวร์จะติดตั้งตัวเองไปพร้อมๆ กับการติดตั้งโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งการค้นหาจะทำได้ยาก และการลบสปายแวร์ออกจากระบบก็ต้องใช้ซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ
10. เข้ารหัสข้อมูลการเข้ารหัสข้อมูลช่วยป้องกันการใช้ข้อมูลโดยผู้ไม่มีสิทธิ์ องค์กรจึงควรเข้ารหัสข้อมูลที่สำคัญทั้งหมด เช่น ข้อความอีเมล์, ตารางคำนวณทางการเงิน และเอกสารส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับข้อมูลเมื่อมีผู้เจาะเข้าสู่เครือข่ายของคุณ